มะตูม
 

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aegle marmelos     (L.) Correa ex Roxb.
วงศ์ :  RUTACEAE
ชื่อสามัญ : Beal fruit tree, Bengal quince, Bilak
ชื่ออื่น กะทันตาเถร ตุ่มตัง ตูม (ปัตตานี) พะโนงค์ (เขมร) มะปิน (ภาคเหนือ) มะปีส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์  ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 6-13 เมตร เรือนยอดรูปไข่ค่อนข้างทึบ โดคนต้นและกิ่งก้านมีหนามยาวแข็ง เหลือกสีจ้ำตาลอ่อนหรือสีเทาอมขาว แตกเป็นแผ่นห้อยย้อยลง ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ปลายคี่ เรียงสลับ ยาว 10-20 ซม. ใบย่อย 3 ใบ 2 ใบล่างมีขนาดเล็กและออกตรงข้าม ส่วนใบปลายมีขนาดใหญ่ ใบรูปไข่ กว้าง 2-6 ซม. ยาว 5-14 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบสอบมน ขอบใบเรียบหรือหยักมน ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน เส้นแขนงใบข้างละ 6-10 เส้น ก้านใบย่อยยาว 0.5-3 ซม. ดอก สีขาวอมเขียวหรือเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนง
          มะตูมขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง มะตูมเป็นไม้ปลูกกลางแจ้งและทนต่อความร้อนได้ดี
ประโยชน์
:  
ผลดิบฝานทำให้แห้ง คั่ว ใช้ชงน้ำดื่ม แก้อาการท้องเสีย แก้บิด ผลสุกเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยย่อย ใบสดคั้นน้ำกิน ลดอาการหลอดลมอักเสบ เปลือกรากและเปลือกต้น รักษาไข้มาเลเรีย ใบสดเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพราหมณ์ ช้ในพิธีสำคัญต่างๆ เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะพระราชทานใบมะตูมสดแก่คู่บ่าวสาวในสมรสพระราชทานหรือพระราชทานแก่นักเรียนทุนอานันทมหิดล ที่กราบบังคมทูลลาไปศึกษาต่อ เป็นต้น ใบสด ใช้ตำใส่แกงบวน ผลดิบใช้เชื่อม ผลสุกเป็นผลไม้และใช้ทำน้ำปานะ ยางจากผลดิบผสมสีทากระดาษใช้แทนก