ย้อนกลับ
 

อ่านหน้าต่อไป
 

                 2.  สร้างความสมดุลให้กับสรีระของร่างกาย  ในร่างกายของคนเราจะมีกระบวนการซับซ้อนที่ที่คอยปรับความสมดุลของร่างกายให้อยู่ในภาวะที่พอเหมาะอยู่ตลอดเวลา สภาวะสมดุลของร่างกายนี้จะไม่คงที่ และจุดสมดุลของแต่ละคนไม่เท่ากัน สภาวะสมดุลของร่างกายจะมีแนวโน้มลดต่ำลงสู่จุดอ่อนแออยู่เรื่อยๆ หากไม่รู้จักวิธีบำรุงรักษา

            การสร้างความสมดุลหรือปรับจุดสมดุลของร่างกายจะทำได้โดยวิธีง่ายๆ และธรรมดาที่สุดโดยการออกกำลังกาย บริหารร่างกาย หรือทำโยคะ อาจเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียวหรือเลือกทำทั้งหมดเลยก็ได้ แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคน บางคนชอบวิธีทำโยคะมากอาจหาซื้อหนังสือเรื่องโยคะมาเป็นคู่มือฝึกฝนตนเองได้ บางคนอาจใช้วิธีวิ่งออกกำลังกายหรือเดินเร็ว  การวิ่งออกกำลังกายหรือเดินเร็วควรกระทำสม่ำเสมอ กระทำทุกๆ วัน ๆ ละหนึ่งครั้ง ให้ทำต่อเนื่องกันครั้งละไม่น้อยกว่า 30 นาที

                การกระทำอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยให้รู้สึกเบิกบานมีความสุข ควรทำจนเหงื่อออกพอควร จึงจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์เพียงพอในแต่ละวัน ถ้าไม่สามาถกระทำได้ทุกวันอาจทำวันเว้นวันหรือวันเว้นสองวันได้ หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 วัน ที่สำคัญควรจัดตารางเวลาให้สามารถวิ่งหรือเดินเร็วได้อย่างสม่ำเสมอ การทำโยคะก็เช่นกัน  ควรทำอย่างสม่ำเสมอทุกๆ วัน ๆ ละไม่น้อยกว่า 30 นาที

                การบังคับให้ร่างกายได้ออกกำลังเป็นการทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะตึงเครียดมากกว่าปกติช่วงระยะหนึ่ง ในขณะออกกำลังพลังของกล้ามเนื้อ เซล ประสาท เส้นเอ็น ตลอดจนอวัยวะต่างๆ จะปรับตัวขึ้นไปอยู่ ณ จุดที่สูวกว่าจุดสมดุลตามปกติของผู้ออกกำลัง ฉะนั้นในระยะแรกๆ ผู้ที่ออกกำลังกายอาจรู้สึกปวดเมื่อย และเหนื่อยมากกว่าปกติ ก็ไม่ต้องตกใจ เมื่อหยุดออกกำลัง ร่างกายได้หยุดพัก พลังของก้ามเนื้อ เซล ประสาท เส้นเอ็น อวัยวะต่างๆ จะลดลงมาอยู่พอดีที่จุดสมดุลเดิม จึงทำให้ร่างกายสบาย และเมื่ออกกำลังติดต่อกันไปอีกในวันต่อๆ มา พลังทั้งมวลดังกล่าวจะปรับตัวสูงกว่าเดิมอีก พอถึงคราวหยุดพักก็จะกลับลงมาสู่จุดสมดุล ผู้ออกกำลังกายจะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงขึ้น มีกำลังมากขึ้น คล่องแคล่ว สดชื่น แจ่มใสขึ้น

                อิสลามส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง  ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) กล่าวว่า "อัลลอฮ์ทรงรักผู้ศรัทธาที่แข็งแรงมากว่าผู้ศรัทธาที่อ่อนแอ" ฉะนั้นบรรดาเยาวชนมุสลิมในอดีตจึงได้รับการปลูกฝังให้ออกกำลังกายโดยการขี่ม้า ว่ายน้ำ ยิงธนู และอื่นๆ วิชาเหล่านี้จะมีอยู่ในหลักสูตรการเรียนรู้ของเด็กๆ เพื่อให้มีร่างกายแข็งแรง สามารถปฏิบัติศาสนกิจต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าได้อย่างเข้มแข็ง อดทน และที่สำคัญ เป็นการเตรียมความพร้อมที่จะเป็นนักรบหรือเป็นทหารที่กล้าหาญ เข้มแข็งและอดทนได้ เมื่อประเทศชาติต้องการเพื่อปกป้องศาสนาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

               3.  สร้างความสมดุลให้กับจิตใจ   หมายถึงปรับจิตใจให้อยู่ในสภาวะพอเหมาะพอดี ไม่ตึงเครียดเกินไป ไม่วิตกกังวลเกินไป ไม่อ่อนเพลีย ไม่ง่วงนอน จิตใจสบาย สภาวะเช่นนี้อาจเกิดขึ้นได้หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน เมื่ออาบน้ำเสร็จเราอาจนอนหงาย เหยียดแขนเหยียดขากับพื้นตามอิสระ  จิตใจปลอดโปร่ง สบายกายสบายใจยิ่ง และอยากจะนอนอยู่ในท่านั้นนานๆ จนหลับไป หรือถ้าไม่หลับร่างกายอยู่ในสภาพพักผ่อนเต็มที่ กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ประสาท เส้นเอ็นผ่อนคลาย จิตใจมีความสุขอยู่กับจินตนาการ ใฝ่ฝันในสิ่งที่ตนชอบและอยากเป็น จิตใจจะเป็นอิสระและได้รับการพักผ่อน บางครั้งจินตนาการนี้อาจจะถูกชักนำให้เป็นไปโดยตนเองหรือผู้อื่นก็ได้ สภาวะความสมดุลของจิตใจ ทำให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่

               การละหมาดเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะสร้างความสมดุลให้แก่จิตใจ ท่าทางขณะละหมาดทำให้ร่างกายส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อขา หลัง ผ่อนคลายสบาย เป็นท่าที่คนทุกวัยปฏิบัติได้เรียบง่าย ต่อเนื่อง ทำที่ใดก็ได้ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยและไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้จิตใจสงบ เพราะสายตาจะเพ่งไปที่จุดเดียวคือจุดที่จะสุญูด จิตใจจะรวมอยู่ที่ท่าละหมาด และคำกล่าวในละหมาดที่กล่าวสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า การขออภัยโทษต่อพระองค์ การขอพรต่อพระองค์ ให้แก่ตนเอง ต่อบรรดานบีและคนดีๆ ทำให้จิตใจนิ่งไม่วอกแวก สภาวะเช่นนี้ทำให้เกิดความสุข ความผ่อนคลาย ร่างกายและจิตใจได้รับการพักผ่อน ละหมาดเสร็จแล้วยังมีช่วงเวลาที่ขอพรและขออภัยโทษต่อพระองค์ เป็นสภาวะที่ทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลายได้อีกช่วงหนึ่ง

ย้อนกลับ


อ่านหน้าต่อไป