อ่านหน้าต่อไป
 

          ทุกคนอยากมีความสุข แต่ละคนมีวิธีแสดงหาความสุขแตกต่างกัน  บางคนก็แสวงหาอาหารอร่อยๆ มารับประทาน บางคนแสวงหาความสุขจากการนอนหรือบางคนทำงานเพื่อหาทรัพย์สินมาสนองความต้องการของตน
              บางคนก็แสวงหาความสุขโดยการท่องเที่ยวไปตามภูเขา น้ำตก หรือทะเล บางคนก็ดูภาพยนตร์ดูละคร ฟังเพลง วนเวียนเช่นนี้ตลอดไปจนกระทั่งตาย  แต่มีบุคลบางส่วนที่แสวงหาความสุขจากการกิน การนอนหรือการทำงานในขณะเดียวกันก็ยังรู้จักหาโอกาสแสวงหาความสุขภายในจิตใจของตนเองด้วย
              โดยรู้จักวิธีปรับจิตใจให้อยู่ในภาวะผ่อนคลาย รู้จักวิธีปรับจิตใจและร่างกายให้อยู่ในสภาวะสมดุล ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ และลงทุนน้อยที่สุด
              คนเรามีองค์ประกอบที่สำคัญคือ ร่างกายกับจิตใจ  องค์ประกอบสองอย่างนี้จะทำงานประสานกันตลอดเวลา หากร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ย่อมมีผลให้จิตใจเป็นสุข มีความคิดและการกระทำไปในทางที่ดีงาม
              ขณะเดียวกันจิตใจที่แจ่มใส ปลอดโปร่ง ไม่มีเรื่องวิตกกังวลมากเกินควร อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีคือ ได้เห็นสิ่งดีงาม ได้ยินคำพูดที่ดี ย่อมมีผลให้ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณผ่องใส  มีความมั่นใจที่จะติดต่อพบปะกับบุคคลอื่นในสังคมได้ทุกเมื่อ
               หากร่างกายและจิตใจได้รับการปรับให้สมดุล จะทำให้มีสุขภาพกายและจิตดี ไม่เจ็บป่วยบ่อย สภาวะความสมดุลของร่างกายและจิตใจนี้จะทำให้คนเรามีความสดชื่น แจ่มใส ปลอดโปร่ง มีสมาธิ รู้สึกผ่อนคลายสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
               นักจิตเวชได้พยายามค้นคว้าหาแนวทางและวิธีปฏิบัติเพื่อสร้างความสมดุลให้แก่ร่างกายและจิตใจ เพื่อให้สภาวะนี้อยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และได้เสนอหลักการสำคัญ 3 ประการคือ

               1. สร้างความสมดุลในเรื่องอาหาร  คือรับประทานอาหารที่เป็นธรรมชาติ ไม่ผ่านกระบวนการดัดแปลงหรือดัดแปลงน้อยที่สุด เช่น ธัญพืชต่างๆ ผักสด ผลไม้สด ข้าวกล้อง ข้าวมันปู น้ำตาลทรายที่ไม่ฟอกสี ผักผลไม้ปลอดสารพิษ อาหารที่ปลอดสารเคมีพวก ยากันบูด ผงชูรส สีผสมอาหารที่ทำจากสารเคมี ควรรับประทานผักและผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์ 20% ดื่มน้ำสะอาดแทนน้ำหวานหรือน้ำอัดลม

               คนที่มีฐานะดีบางคนจะบริโภคเนื้อสัตว์มากกว่าพืชผัก ทำให้สุขภาพอ่อนแอ เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย เพราะผู้นั้นได้ทำลายความสมดุลทางธรรมชาติด้านอาหารโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นหากผู้ใดอยากมีร่างกายแข็งแรง สุขภาพอนามัยดีอยู่เสมอ ผิวพรรณผ่องใส สมองว่องไว ปราดเปรียว ไม่เจ็บป่วยบ่อย จึงควรพยายามรักษาความสมดุลของเรื่องอาหรไว้ให้ได้ โดยพยายามรับประทานพืชผักให้มากกว่าหรืออย่างน้อยให้เท่ากับรับประทานเนื้อสัตว์ โปรดระลึกไว้เสมอว่าการบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไปทำให้ร่างกายขาดความสมดุลที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติ

                ในอิสลามมีหลักการที่ทำให้เกิดความสมดุลในการรับประทานอาหารโดยมมุสลิมยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือให้รับประทานอาหารที่ "ฮาล้าล" ถูกต้องตามบทบัญญัติ เช่น ไม่กินเลือดหรือสัตว์ที่ตายเอง สัตว์ที่มีเขี้ยวกรงเล็บ เนื้อหมู เชือดสัตว์ที่อนุมัติโดยกล่าวพระนามพระเจ้าก่อนเชือดและเชือดอย่างถูกต้องตามบทบัญญัติ
ให้รับประทานอาหารที่ "ตอยยิบ" คือมีคุณค่า พอเหมาะแก่ความต้องการของร่างกาย  ไม่เกิดโทษต่อร่างกาย ปลอดสารเคมีและสารพิษที่จะทำอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากนี้อิสลามยังกำหนดมารยาทในการรับประทานอาหาร คือ ให้รับประทานอาหรปริมาณพอดี

                โดยแบ่งกระเพาะเป็น 3 ส่วน อาหาร 1 ส่วน  น้ำ 1 ส่วน  และอากาศ 1 ส่วน ไม่รับประทานอาหารจนแน่นท้อง รับประทานอาหรเมื่อหิว รับประทานคำเล็กๆ ตักอาหารใกล้ตัว ใช้มือรับประทานโดยต้องล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร กล่าวนามต่อพระผู้เป็นเจ้าและขอพรต่อพระองค์ก่อน

                 ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) เป็นแบบอย่างให้แก่ประชาชาติของท่าน ท่านรับประทานพืชผักมากกว่าเนื้อสัตว์ อาหารส่วนมากของท่านจะเป็นอินทผลัม นม ขนมปัง บางครั้งก็มีเนื้อสัตว์บ้าง

 

อ่านหน้าต่อไป