กลับไปหน้าก่อน  

อ่านหน้าต่อไปสิคะ 

วัยสูงอายุ (ต่อ)

  • ความสิ้นหวัง   คนวัยสูงอายุที่ปลดเกษียณแล้วอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร  ปล่อยให้วันเวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ มักจะมีความคิดหมดอาลัยตายอยากในชีวิตของตนเอง หรือกลายเป็นคนสิ้นหวัง เพราะไม่ทราบว่าจะมีชีวอติยู่ต่อไปทำไม  เพราะตนเองไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้ใดแล้ว ชีวิตจึงเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยและสิ้นหวัง

  • ความตาย   สิ่งที่คนมีอายุจะคิดถึงบ่อยและมากว่าสิ่งอื่นก็คือความตาย บางคนพยายามดิ้นรนหนีความตายด้วยการหายาต่างๆ ที่เขาบอกว่าทานแล้วอายุยืนนาน บางคนก็ใช้วิธีการออกกำลังกายแทน แต่บางคนไม่ยอมทำอะไรเลย
    คนที่ทำใจได้ก็ไม่ความกระวนกระวายใจมากนักเกี่ยวกับความตาย  แต่บางคนก็ยังทำใจไม่ได้ หรือยังห่วงโน่นห่วงนี่อยู่มาก  ก็พยายามดิ้นรน กระเสือกระสนจะหนีความตายให้ได้ ทั้งๆที่รู้ดีว่าไม่มีใครหนีความตายพ้น แต่ก็พยายามดิ้นรนจนกลายเป็นความเครียดไปในที่สุด

  • การนึกถึงแต่อดีต   คนที่มีอายุแล้วมักจะพูดึงอดีตของตนอยู่ตลอดเวลา เพื่อแสดงความภาคภูมิใจในงานหรือสิ่งที่ตนเคยทำมาในอดีต  และชอบเล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับคนๆ เดียวกันจนเป็นที่รำคาญของคนฟัง  แต่คนเล่าก็ยังอยากเล่าต่อไปทุกครั้งที่เจอกัน

  • การดื้อรั้น   คนที่สูงอายุแล้วมักจะดื้อรั้น เพราะถือว่าตัวเองเกิดก่อน  มีประสบการณ์มากกว่า ใครอย่ามาสั่งมาสอนไม่เชื่อทั้งนั้น ทั้งๆ ที่เขาพยายามชี้แจงเหตุผลให้ฟังแต่ก็มักไม่ยอมรับฟังยังคงดื้อรั้นต่อไป

  • การถือดี   คนที่มีอายุแล้วมักจะถือดี  เพราะถือว่าตัวเองก็มีดีเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นไม่มีอายุยืนมาจนถึงบัดนี้ หรือก้าวหน้ามาถึงจุดนี้  จึงมีความรู้สึกถือดีในความสามารถของตัวเอง หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง ยิ่งบวกกับความรู้สึกดื้อรั้นของตัวเองเข้าไปด้วยแล้ว  การถือดีก็ยิ่งแสดงออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น

  • ขี้บ่นจู้จี้  คำว่า " คนแก่ขี้บ่น"  เป็นคำที่เราได้ยินกันทั่วๆไป  เหตุไรคนแก่จึงชอบขี้บ่นยังหาคำตอบที่ถูกต้องแท้จริงไม่ได้  แต่อาจเป็นเพราะคนแก่ได้ผ่านชีวิตต่างๆมามากแล้ว  จึงมักมีประสบการณ์หรือได้พบเห็นอะไรมามากๆ จึงพยายามพูดออกมาให้คนที่อยู่รอบๆ ข้างได้ฟังได้รับทราบ  ความจริงแล้วหากจะพิจาณาให้ดีการบ่นของคนแก่ เป็นการบ่นด้วยความหวังดีมากว่าความหวังร้าย แต่เมื่อพูดหลายๆ ครั้งเข้าก็เลยกลายเป็นที่รำคาญของคนฟัง จึงกลายเป็นขี้บ่นหรือของไม่ดีไป

  • ชอบปรับทุกข์   คนที่สูงอายุแล้วมักชอบทำการปรับทุกข์กับคนอื่น  ไม่ว่าจะพบใครก็มักจะมีเรื่องปรับทุกข์กับเขาเสมอ บางเรื่องก็ไม่น่าจะทำการปรับทุกข์เพราะเป็นเรื่องของคนอื่นเขา แต่คนแก่ก็มักจะเอาเรื่องต่างๆ มาเป็นทุกข์ของตัวเองหมด  จึงกลายเป็นคนแบกแต่ทุกข์ และเมื่อพบใครก็พยายามแบ่งทุกข์นั้นให้คนอื่นแบกต่อ  หากเขาไม่ยอมรับแบกก็มีความน้อยอกน้อยใจว่าเขาไม่รักเรา หรือไม่ยอมช่วยเหลือเรา  ผลที่สุดทุกข์ของตัวเองก็เพิ่มมากขึ้นทุกๆ วัน

  • ชอบแบกภาระ   คนที่ย่างเข้าสู่วัยสูงอายุแบกภาระของตัวเองคนเดียวก็น่าจะพอแล้ว  แต่ก็มีคนสูงอายุจำนวนมากชอบเอาภาระของคนอื่น เช่น ของลูกหลาน ของเหลนมาแบกไว้กับตัวเองคนเดียว กลัวจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้  เมือเขาไม่เป็นอย่างที่เราคิด อย่างที่เราต้องการก็มีความทุกข์ และต้องแบกภาระห่อใหญ่ไว้กับตัวและบางคนก็ตายไปพร้อมกับห่อภาระใหญ่บนบ่าของตัวเอง

  • ชอบฝัน   เป็นที่น่าแปลกว่า คนที่มีอายุแล้วชอบฝันมากว่าคนหนุ่มสาว อาจจะเป็นเพราะมีเวลาว่างมากจึงมีความคิดมาก และตกกลางคืนก็เลยเก็บเอาไปฝัน และมีบ่อยๆ ครั้งที่ชอบฝันถึงความตายของตัวเอง เพราะเป็นสิ่งที่ตนเองคิดอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

  • ไม่ต้องการให้ใครสงสาร  คนที่สูงอายุแล้วโดยทั่วๆ ไปมักจะพยายามทำการช่วยเหลือตนเอง บางครั้งคนเห็นว่าแก่แล้วมาช่วยพยุงให้เดิน ก็มักจะไม่ต้องการหรือแสดงการปัดไม้ปัดมือออกมาให้เห็น เพราะไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร ยิ่งคนที่ขาดความเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิดจากครอบครัวด้วยแล้ว ก็ยิ่งแสดงออกให้เห็นมากขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นการยืนยันออกมาให้คนที่อยู่รอบข้างเห็นก็ได้ว่า  สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ ไม่เห็นต้องง้อใครหรือพึ่งใคร นับเป็นทิฏฐิอีกอย่างหนึ่งของคนสูงอายุ

  • ต้องการเพื่อน   คนที่ล่วงเข้าวัยสูงอายุแล้วมักคิดถึงเพื่อนและต้องการเพื่อนอย่างที่สุด  ครั้งใดที่มีโอกาสได้พบเพื่อนเก่า ดูเหมือนจะเป็นโอกาสที่มีความสุขมากที่สุด  แต่ก็น่าแปลกยิ่งแก่ยิ่งหาเพื่อนยาก เพราะเพื่อนแต่ละคนก็จากไปแล้ว เพื่อนที่เหลือก็อายุมากแล้ว เขาก็อยู่กับบ้านกับช่องเช่นเดียวกับเรา โอกาสที่จะพบปะกันจึงมีน้อย

กลับไปหน้าก่อน

 

อ่านหน้าต่อไปสิคะ