-
การหัดทำใจแต่ต้นมือ
เมื่อเราทราบว่า
หากเรายังมีชีวิตอยู่ไม่วันใดวันหนึ่งเราก็ต้องเป็นคนแก่หรือคนชรา
ทำไมเราจึงไม่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า
เพื่อว่าเมื่อวันนั้นมาถึงเราจะได้ยอมรับมันด้วยความเต็มใจและมีความสุข
ไม่ใช่ปล่อยให้มันมาถึงแล้วต้อนรับมันด้วยความทุกข์
ว่าเราจะทำอย่างไรดีกับชีวิตในวัยชราของเรา
คนเราเมื่อยังทำงาน
มีอำนาจหน้าที่อยู่ คนเขาก็นับหน้าถือตา คนเขาก็ให้เกียรติ
คนเขาก็ล้อมหน้าล้อมหลัง ทุกคนอยากเข้ามาหา ทุกคนอยากพบ
แม่เมื่อปลดเกษียณแล้วก็ไม่มีใครอยากมาหา
เพราะเราหมดอำนาจแล้ว เราไม่สามารถทำอะไรหรือช่วยเหลือเขาได้
เกียรติยศ ชื่อเสียง ความนับหน้าถือตาก็จะหมดไป
ยิ่งเวลาเราไปงานไปการที่มีคนที่เขาขึ้นมาแทนตำแหน่งเรา
ซึ่งมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง มีคนให้เกียรติ
ส่วนเรานั่งอยู่คนเดียวไม่มีคนเหลียวแล
อย่างมากก็ยกมือไว้เป็นพิธีแล้วเขาก็จากไป
แม้จะมานั่งคุยด้วยเขาก็ไม่อยากมา
เพราะกลัวนายใหม่จะเขม่นเอาว่าเป็นพวกนายเก่า
หรือเป็นเพราะเกลียดขี้หน้าเต็มทน สมัยเป็นนายก็เป็นได้
สิ่งต่างๆ
เหล่านี้เราจะต้องเตรียมใจไว้ก่อนจะถูกปลดเกษียณ
ว่าเราจะต้องพบกับสิ่งเหล่านั้น และไม่ใช่แต่เราเท่านั้น
และไม่ใช่แต่เราเท่านั้น คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน นับเป็นของธรรมดา
มีลาภก็เสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ
เพื่อนฝูงก็นับวันจะหายไปวันละคนสองคน ผลที่สุดอาจต้องอยู่คนเดียว
หัดทำใจ หัดปลง
หัดมองเห็นว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นของธรรมดาโลก
และหัดทำใจวางเฉยไม่รู้หนาวไม่รู้ร้อนเสียบ้างตั้งแต่ต้น
เราก็จะได้มีโอกาสมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต
โดยไม่ต้องไปห่วงไปคิด ไม่กังวลว่าคนอื่นเขาจะรักเราไหม
คนอื่นเขาจะให้เกียรติเราไหม เขาจะทำอย่างไรเป็นเรื่องของเขา
หากเผอิญเขาทำอะไรให้เราพิเศษก็ให้ถือว่าเป็นกำไรของชีวิต
หากเขาไม่ทำอะไรให้ก็ถือว่าเป็นเรื่องเฉยๆ ธรรมดาๆ
เพราะมันไม่ได้ทำให้เราขาดทุนตรงไหน
แต่คนที่เกี่ยวข้องอาจขาดทุนโดยไม่รู้ตัวก็ได้
-
การหัดทำให้จิตใจร่าเริงเบิกบานอยู่เสมอ
คนมักจะพูดว่า "เมื่อเรายิ้มกับโลก โลกก็จะยิ้มกับเรา"
ด้วยเหตุนี้เราควรยิ้มกับโลกเสียตั้งแต่บัดนี้
ไม่จำเป็นต้องรอให้เกษียณก่อนแล้วจึงค่อยยิ้ม
เพราะถึงตอนนั้นอาจยิ้มไออกแล้วก็ได้
การทำจิตใจให้ร่าเริงเบิกบานอยู่เสมอ
นอกจากจะทำให้เราพ้นทุกข์และมีความสุขแล้ว
ยังช่วยให้เรามีอายุยืนด้วย คนหลายคนพยายามเสาะหายาอายุวัฒนะ
แต่หารู้ไม่ว่ายาอายุวัฒนะที่ดีที่สุดและใกล้ตัวที่สุด
ตลอดจนไม่ต้องเสียเงินซื้อก็คือ "การยิ้ม"
การยิ้มทำให้จิตใจเบิกบาน ทำให้จิตใจร่าเริง ทำให้จิตใจมีความสุข
และทำให้อายุยืน
ด้วยตุนี้หากท่านยังไม่ทราบว่าควรจะทำการจัดการกับชีวิตอย่างไรดีเมื่อเกษียณอายุแล้ว
ก็ใคร่ขอแนะทำว่าหัดทำให้จิตใจร่าเริงเบิกบานเสมอตั้งแต่บัดนี้
เมื่อเกษียณแล้วท่านก็จะมีชีวิตที่มีความสุข
-
การหัดใช้ชีวิตอย่างอิสระ
การหัดใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยไม่หวังพึ่งใครตั้งแต่แรกก่อนจะเข้าสู่วัยสูงอายุ
นับว่ามีส่วนสำคัญในการทำให้ชีวิตหลังเกษียณอายุแล้วมีความสุขได้เป็นอย่างดี
เพราะเมื่อปลดเกษียณอายุแล้วเราจะต้องอยู่ด้วยตัวของเราเอง
และเราจะต้องทำอะไรด้วยตัวของเราเอง
เราไม่อาจหวังให้คนโน้นคนนี้ช่วยเราได้
ด้วยเหตุนี้เราต้องพยายามฝึกหัดใช้ชีวิตของตนเองในระยะก่อนเกษียณอายุ
ทั้งนี้เพื่อเมื่อเราปลดเกษียณแล้วเราจะได้สามารถช่วยเหลือตัวเราเองได้โดยไม่มีปัญหา
ขณะเดียวกันเราก็จะได้ไม่คิดมาก
และไม่เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่มีคนมาช่วยเราอย่างแต่ก่อน
ความเศร้าหมอง ความไม่สบายใจก็จะไม่เกิดกับเรา
เมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
เราก็รู้จักวิธีจัดการแก้ไขด้วยตัวของเราเอง
ไม่ต้องคอยพึ่งพาอาศัยใคร หากเขาให้พึ่งก็ดีไป
หากเขาไม่ให้พึ่งเราก็จะมีแต่ความเจ็บช้ำน้ำใจ
แต่ถ้าหากเราทำเองได้ เราก็จะได้มีความภาคภูมใจในตัวของเราเองว่า
เราก็สามารถช่วยตัวเองได้ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปง้อพึ่งคนอื่น
แม้แต่ลูกหลายของตนก็ตาม หากเราสามารถทำเองได้
เราก็ไม่ควรคิดพึ่งพาเขา ถ้าดีก็ดีไป ถ้าไม่ดีก็เจ็บใจเปล่าๆ
-
การหางานอดิเรกทำ
วัยหลังปลดเกษียณแล้วจะมีเวลาว่างมาก เราะไม่ทำงานอย่างแต่ก่อน
จึงควรหางานอดิเรกไว้แต่ต้นมือว่าเราจะทำอะไรหลังจากปลดเกษียณอายุแล้ว
ด้วยการเริ่มต้นเสียตั้งแต่ก่อนเกษียณอายุ
ทั้งนี้เมื่อเกษียณอายุแล้วจะได้ทำต่อเนื่องได้ทันที
บางคนอาจจะหัดเล่นดนตรี
บางคนอาจจะสะสมแสตมป์และอื่นๆ ทั้งนี้สุดแล้วแต่จะชอบ
ว่าจะเลือกทำอะไรที่เราต้องการและเหมาะสมกับตัวเอง
การทำงานอดิเรกจะช่วยฆ่าเวลาแต่ละวันให้ผ่านไปอย่างมีความสุข
แทนที่จะนั่งดูเข็มนาฬิกาทีละนาทีๆ
ดูมันช่างเชื่องช้าและทรมานเสียจริงๆ
การหางานอดิเกรทำหลังจากปลดเกษียณ
จึงนับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการหาความสุขเมื่อปลดเกษียณแล้ว
-
การเข้าร่วมกิจกรรมของสังคม การเข้าร่วมกิจกรรมของสังคมตั้งแต่ก่อนปลดเกษียณ
จะช่วยทำให้ชีวิตได้มีความสุขอย่างดีในวัยปลดเกษียณแล้ว
ไม่ควรรอให้ปลดเกษียณแล้วจึงเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม
เพราะตอนนั้นอาจจะสายเกินไปแล้ว เพราะทุกคนต้องการคนที่แข็งแรง
คนที่มีพลังในการทำงานของสังคม
แต่เมื่อใดเขาเห็นว่าเราเป็นคนแก่แล้ว
ความสำคัญของตัวเราก็จะลดน้อยลง
และโอกาสที่จะร่วมงานสังคมก็จะน้อยลงไปด้วย
การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมต่างๆ
นับว่าเป็นสิ่งที่ควรจะได้จัดทำเมื่ออยู่ในวัยทำงาน
เพื่อว่าเมื่อปลดเกษียณแล้วเราจะได้มีโอกาสร่วมงานกับเขา
และจะทำให้เรารู้สึกว่า
แม้จะเป็นคนแก่ก็ยังเป็นคนแก่ที่มีค่าต่อสังคม
ไม่ใช่คนแก่ที่นั่งรอคอยวันตายอย่างคนบางคน
-
การเข้าช่วยเหลืองานสังคมสงเคราะห์
การมีโอกาสเข้าช่วยเหลืองานสังคมสงเคราะห์บ้าง
จะช่วยทำให้เรามีความรู้สึกมีความสุขมากขึ้น
ที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือคนอื่น
การเข้าช่วยเหลืองานสังคมสงเคราะห์ก็มีหลายวิธีด้วยกัน
ไม่จำเป็นต้องการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือสังคมเท่านั้น
เพราะในวัยสูงอายุเงินยังเป็นของจำเป็นสำหรับเรา
นอกจากเราคิดว่าเรามีพอจะแบ่งไปช่วยเหลือเขาบ้างก็จะเป็นการดียิ่งขึ้น
แต่เราอาจจะช่วยเหลือด้านความคิด ด้านการทำงานเล็กๆ น้อยๆ
ที่เรายังสามารถทำได้
ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลืองานสังคมสงเคราะห์เช่นเดียวกัน
-
การเข้าวัดเข้าวา
สิ่งสุดท้ายที่คนสูงอายุควรแสวงหาก็คือ
ความสงบของจิตใจในบั้นปลายชีวิต
ด้วยการเข้าวัดเข้าวาศึกษาพระธรรมคำสอนต่างๆ
ของศาสนาที่ตนนับถือและเลื่อมใส
เมื่อก่อนเราอาจไม่มีเวลาศึกษามากนัก เพราะต้องใช้เวลาทำมาหากิน
แต่เมื่อเกษียณอายุแล้วเรามีเวลาว่างมากขึ้น
โอกาสที่จะศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้งก็มีมากขึ้น
เราก็จะมีชีวิตในบั้นปลายที่มีความสุขมากขึ้น
นอกจากนี้เมื่อเรามีความสุขแล้ว
หากเราจะนำข้อธรรมะหรือคำสอนนั้นไปอบรมสั่งสอนชี้แจงให้คนอื่นทำบ้าง
เราก็จะมีความสุขยิ่งขึ้นที่เราได้มีโอกาสช่วยเหลือคนอื่นให้มีความสุขอย่างเรา
กุศลกรรมดีดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้เรามีความสุขยิ่งขึ้น
การเข้าวัดเข้าว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวตายอย่างมีความสุข
เพราะเมื่อเข้าวัดแล้วจิตใจสงบ สามารถปลงในสิ่งต่างๆ
ได้ว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์เกิดมาแล้วก็ต้องตาย
ดังนั้นก่อนตายก็ควรเตรียมกายเตรียมใจไว้ให้ดี
เมื่อตายแล้วจะได้ตายอย่างมีความสุข