| 
				 
				
				บทนำ 
				จุลินทรีย์ในดิน 
				
				
				         
				ดินเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์มากมายหลายชนิด 
				ประกอบไปด้วย แบคทีเรีย รา เชื้อแอคติโนมัยสีท สาหร่าย โปรโตซัว 
				และไวรัส นอกจากนี้แล้วในดินยังมีสัตว์หน้าดิน และแมลงหน้าดินต่างๆ 
				สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีความสัมพันธุ์กันในระบบนิเวศของดิน 
				ส่วนใหญ่แล้วดินเกิดจากการสลายตัวและผุพังของแร่หินต่างๆ 
				โดยอิทธิพลจากธรรมชาติ เช่นความร้อน ความเย็น กระแสน้ำ 
				และการทับถมของซากสิ่งมีชีวิตที่เน่าเปื่อยผุพัง 
				ซึ่งเป็นผลมาจากกิจกรรมของจุลินทรีย์ในดิน จุลินทรีย์เหล่านี้จึงมีบทบาทสำคัญในการเกิดความอุดมสมบูรณ์ของดิน 
				จำนวนของจุลินทรีย์ในดินขึ้นอยู่กับอาหารทีมีประโยชน์ในดิน 
				ความชื้น ค่าความเป็นกรด-ด่าง และ อุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมในดิน 
				 
				แบคทีเรีย 
				  
				
				      แบคทีเรียจัดเป็นจุลินทรีย์กลุ่มใหญ่พบจำนวนมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ 
				ในหนึ่งกรัมของดินที่อุดมสมบูรณ์มีแบคทีเรียมากถึง 
				หนึ่งแสนถึงพันล้านโคโลนีต่อกรัมดิน 
				มีหน้าที่ในการย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ ผลิตฮิวมัส 
				เปลี่ยนแปลงแร่ธาตุในดินให้เป็นประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตทั้งจุลินทรีย์เองและพืช 
				แบคทีเรียบางชนิดเป็นโรคพืช แบคทีเรียที่พบในดินโดยทั่วไป 
				มีรูปร่าง 3 แบบคือ แบบกลม แบบแท่ง และแบบเกลียว 
				แบคทีเรียเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วในดินที่มีอินทรีย์วัตถุ 
				มีความชื้นพอสมควร และค่าความเป็นกรดด่างอยู่ระหว่าง 5.5-9 
				ในบริเวณรากพืชจะพบแบคทีเรียมากกว่าในบริเวณที่ไกลออกไป 
				กิจกรรมของแบคทีเรียในดินมีมากมายแต่ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ 
				คือ 
				การเป็นผู้ย่อยสลายอินทรียวัตถุในดินทำให้อยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ 
				และทำให้เกิดกระบวนการตรึงไนโตรเจนในดินเป็นต้น 
				แบคทีเรียที่พบและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ เช่น Pseudomanas sp, 
				Rhizobium sp, Bacillus sp, Clostridium sp  เป็นต้น 
				เชื้อรา
				
				  
				  
				
				         
				เป็นจุลินทรีย์ที่มีจำนวนรองลงมาจากแบคทีเรีย 
				เส้นใยของเชื้อรายาวเป็นสิบถึงร้อยเมตรต่อกรัมของดินที่อุดมสมบูรณ์ 
				มีบทบาทในการย่อยสลายซากพืชซากสัตว์รวมถึงฮิวมัสในดิน 
				บางชนิดเป็นสาเหตุของโรคในสิ่งมีชีวิต บางชนิดทำลาย nematode 
				ซึ่งเป็นศัตรูพืช 
				ดำรงชีวิตได้โดยการดูดซึมสารอินทรีย์จากการย่อยภายนอกเซลล์ 
				มีรูปร่างเป็นเส้นใย หรือเป็นเซลล์เดี่ยว 
				จำเป็นต้องการออกซิเจนในการดำรงชีวิต 
				เชื้อราส่วนใหญ่เจริญเติบโตได้ดีในดินที่เป็นกรด 
				ที่พบและคัดแยกได้จากพื้นที่ในโครงการ Mucor sp, Chaetomium sp, 
				Trichoderma sp, Aspergillus sp, Penicillium sp เป็นต้น 
				เชื้อแอคติโนมัยสีท
				
				 
				  
				
				          
				เป็นจุลินทรีย์ที่มีลักษณะสารพันธุกรรมคล้ายแบคทีเรียและมีลักษณะสารพันธุกรรมคล้ายแบคทีเรียและมีลักษณะของผนังเซลล์เชื้อรา 
				ในการจัดจำแนกยังคงจัดเป็นแบคทีเรียที่ต้องการออกซิเจนในการดำรงชีวิต 
				ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ มักอยู่รวมกันเป็นเส้นสาย 
				สามารถเจริญเติบโตได้ในดินที่เป็นกรดถึงเป็นด่าง ประมาณ 5.5 - 10.0 
				ย่อยสลายสารที่แบคทีเรียและเชื้อราย่อยสลายได้ยาก เช่น ไขมัน ไคติน 
				แอคติโนมัยสีทบางชนิดสามารถสร้างสารปฏิชีวนะออกฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราได้ 
				เช่นเชื้อ Streptomyces sp 
				สามารถผลิตสารปฏิชีวนะที่เป็นประโยชน์แก่มนุษย์เป็นจำนวนมาก 
				ความอุดมสมบูรณ์ในดินเกิดจากจุลินทรีย์ 
				
				         
				จุลินทรีย์ทีมีชีวิตอย่างอิสระในดินมีประโยชน์ต่อพืชเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะบทบาทต่อการย่อยสลายสารอินทรีย์ 
				จุลินทรีย์บางชนิดอาศัยอยู่กับพืชและมีชีวิตอย่างพึ่งพาอาศัยกัน 
				ทั้งสองกรณีทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งสองได้รับสารอาหารที่จำเป็นและน้ำเพิ่มขึ้นความสัมพันธุ์ของจุลินทรีย์ในดิน
				 
  
				จุลินทรีย์ 
				ผู้ย่อยสลายเพื่อสร้างอาหารแก่สิ่งมีชีวิต 
				
				           
				ซากพืชจะถูกย่อยเป็นลำดับขั้นตอนอย่างมีระเบียบ 
				แบคทีเรียและราในดินร่วมด้วยช่วยกันในการย่อยเซลลูโลส โปรตีน ไขมัน 
				และสารประกอบอื่นๆ 
				จนได้สารตั้งต้นในการหายใจของสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถสร้างอาหารได้ด้วยตนเอง 
				สังคมของจุลินทรีย์สามารถเปลี่ยนแปลงครึ่งหนึ่งของสารอินทรีย์ไปเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ได้ภายในหนึ่งปี 
				ถึงแม้ว่าสารประกอบเหล่านี้ถูกย่อยสลายได้โดยตรง แต่สารลิกนินและสารอินทรีย์บางอย่างยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง 
				หรือถูกย่อยสลายเพียงบางส่วนจนเกิดเป็นฮิวมัส 
				ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมอาจนับเป็นปี สิบปี 
				หรือร้อยปีที่จะเปลี่ยนแปลงสารอินทรีย์ทั้งหมดไปเป็นกาซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 
				การย่อยสลายสารอินทรีย์จากจุลินทรีย์จึงทำให้เกิดสารโมเลกุลขนาดเล็ก 
				เช่น  กรดอะมิโน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพืช 
				          
				จุลินทรีย์ที่คัดแยกจากพื้นทีในโครงการจากพื้นที่โครงการสร้างป่าตามแนวพระราชดำริ 
				และป่าพันธุกรรมพืช อ. ครบุรี จังหวัดนครราชสีมา 
				ที่มีความสามารถในการย่อยสลายสูง 
				สามารถนำมาใช้ลดระยะเวลาการย่อยสลายวัสดุเหลือใช้ทางเกษตรช่วยให้ผลิตปุ๋ยชีวภาพได้อย่างรวดเร็ว 
				และเมื่อทดลองใช้กับพืชปลูกทดลอง เช่น มะเขือเทศ 
				ดาวเรืองได้ผลดีโดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี 
  
				จุลินทรีย์ 
				แหล่งปุ๋ยธรรมชาติของพืช 
				 
				  
				       
				พืชทั้งหมดต้องการไนโตรเจนในรูปของแอมโมเนียหรือไนเตรท 
				กิจกรรมที่เกิดจากแบคทีเรียที่สามารถตรึงไนโตรเจนในรูปอิสระไม่สามารถจัดหาไนโตรเจนให้แก่ความต้องการของสังคมพืชในโลกนี้ 
				ดังนั้นจึงมีการนำปุ๋ยเคมีมาใช้แก่พืช 
				อย่างไรก็ตามจัดเป็นการสูญเสียค่าใช้จ่าย 
				นักวิทยาศาสตร์จึงมีความพยายามในการศึกษาวิจัยหาความสัมพันธุ์ระหว่างพืชและจุลินทรีย์ที่สามารถตรึงไนโตรเจน 
				เพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมีลง 
				       ไรโซเบียม เป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ร่วมกับรากพืชตระกูลถั่ว 
				โดยแบคทีเรียกลุ่มนี้อาศัยอยู่ในปมบริเวณรากของพืชตระกูลถั่ว 
				จะดูดซึมสารอาหารและทำให้เกิดปมขึ้นที่รากพืชตระกูลถั่วทำให้สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศได้ 
				นับเป็นแหล่งปุ๋ยตลอดชีวิตของต้นพืช ทำให้ผลผลิตของพืชสูงขึ้น 
				การอยู่ร่วมกันของแบคทีเรียไรโซเบียมและพืชเริ่มต้นเมื่อแบคทีเรียในดินเข้าไปในขนรากของพืช 
				พืชจะสร้างโปรตีนที่เรียกว่า lectins 
				แล้วไปรวมกับแบคทีเรียที่ขนรากของพืช 
				เซลล์ของพืชตีวงล้อมรอบกลุ่มแบคทีเรียจนเกิดเป็นปม 
				       มีการคัดเลือกไรโซเบียมที่มีประสิทธิภาพสูงจากพื้นที่โครงการสร้างป่าตามแนวพระราชดำริ 
				และป่าพันธุกรรมพืช อ. ครบุรี จังหวัดนครราชสีมา 
				มาทดลองใช้ประโยชน์ในการอาศัยร่วมกับพืชตระกูลถั่วที่ทดลอง เช่น 
				ถั่วพูและถั่วผักยาวเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงขึ้น 
				โดยลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้เป็นจำนวนมาก 
				จุลินทรีย์ 
				จากธรรมชาติสู่การบำบัดมลพิษน้ำ 
				  
				        
				จากการใช้ปุ๋ยเพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรสูง 
				ปุ๋ยสังเคราะห์โดยทั่ว ๆ ไปมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส 
				และโพแทสเซียมเป็นองค์ประกอบ 
				ปุ๋ยเหล่านี้หากมีการใช้มากเกินจำเป็นจะปะปนไปอยู่ตามแม่น้ำ ลำคลอง 
				สระ บ่อน้ำ น้ำบาดาล เป็นต้น น้ำที่มีปริมาณไนเตรทสูง 
				เมื่อดื่มเข้าไปจะทำให้เป็นโรคพิษไนเตรท คือโรคเด็กตัวเขียว 
				โดยไนเตรทจะไปลดรูปเป็นไนไตรท์ในตัวเด็ก 
				และเมื่อถูกส่งถ่ายไปกับโลหิตแดงก็จะไปแย่งออกซิเจนจากโลหิตแดงนั้น 
				ๆ จนเกิดเป็นโลหิตดำที่ขาดออกซิเจน 
				ทำให้เด็กมีอาการตัวเขียวและเสียชีวิตได้ 
				จึงเรียกว่าโรคเด็กตัวเขียว 
				         
				กระบวนการที่ใช้ในการกำจัดไนเตรทออกจากน้ำทั่วไปมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง 
				แต่พบว่าการที่สารประกอบไนโตรเจนในพื้นที่โครงการไม่มีการสะสมมากจนเกินไป 
				ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากมีดิไนตริไฟอิ้งค์แบคทีเรียซึ่งสามารถเปลี่ยนไนเตรทและให้ก๊าซไนโตรเจนกลับสู่บรรยากาศ 
				ดังนั้นการคัดเลือกเชื้อที่มีความสามารถดังกล่าวจากธรรมชาติจึงเป็นวิธีทางชีวภาพที่น่าสนใจ 
				ได้มีการคัดแยกเชื้อแบคทีเรียที่สามารถสลายไนเตรทในน้ำจากพื้นที่โครงการที่ป่าตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมกุมารี 
				กองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา 
				จังหวัดกาญจนบุรีแล้วนำมาทดลองการใช้ประโยชน์ในการบำบัดน้ำเสียในห้องปฏิบัติการ 
				จนระดับไนเตรทในน้ำลดลง 
   |