** ดาวเทียมไทยคม ดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ **
|
||||||||||||||||||||||||||||
โครงการดาวเทียมสื่อสารแห่งชาตินี้
เป็นโครงการของประเทศไทย
ซึ่งหมายความว่าทางราชการไทย
คือกระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าของโครงการตัวดาวเทียม
สถานีควบคุมภาคพื้นดินและอุปกรณ์ต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องจะเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลในทันที่การจัดสร้างและจัดส่งดาวเทียมเสร็จสิ้น
โดย บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
จำกัด จะทำหน้าที่ในการจัดสร้าง
จัดส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร ตลอดจนบริหารโครงการฯ
และให้บริการวงจรดาวเทียม
เพื่อให้ประเทศไทยมีดาวเทียมสื่อสารใช้เป็นเวลา 30
ปี
บริษัท ชินวัตรฯ จึงจัดตั้งบริษัท ชินวัตรแซทเทลไลท์
จำกัด ขึ้น เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2534
เพื่อรับผิดชอบดำเนินกิจการโครงการดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ
มีที่ทำการ ณ สถานีควบคุมดาวเทียมไทยคม ถ.รัตนาธิเบศร์
นนทบุรี ในการดำเนินโครงการดาวเทียมไทยคมนี้
ได้มีการลงนามสัญญาว่าจ้างบริษัทของต่างประเทศเข้าร่วมโครงการด้วย
3 บริษัท คือ บริษัท
Hughes Aircraft จำกัด
(สหรัฐอเมริกา)
เป็นบริษัทคู่สัญญาดำเนินการจัดสร้างดาวเทียมไทยคมและให้คำปรึกษาแนะนำทางเทคนิคเกี่ยวกับการใช้งานของดาวเทียมและสถานีควบคุมดาวเทียมภาคพื้นดิน
บริษัท Arianespace จำกัด
(ฝรั่งเศส)
เป็นบริษัทคู่สัญญาในการดำเนินการจัดส่งดาวเทียมไทยคมเข้าสู่ตำแหน่งวงโคจรบนยานอวกาศโดยใช้จรวด
Arianespace 4 จัดส่ง และ
บริษัท Telespace จำกัด
(แคนาดา)
เป็นบริษัทคู่สัญญาดำเนินการเป็นที่ปรึกษาทางเทคนิคและโครงการ
ไทยคม
ส่วนประกอบของดาวเทียมไทยคม
ดาวเทียมไทยคมเป็นดาวเทียมที่หมุนรอบตัวเองเพื่อสร้างเสถียรภาพในอวกาศโดยมีส่วนสูงเมื่อซ้อนพับเก็บระหว่างการขนส่งขึ้นสู่อวกาศ
2.56 เมตร กว้าง 2.16 เมตร
และมีขนาดเมื่ออยู่บนวงโคจร เมื่อใช้งานคือ
ส่วนสูงเท่ากับ 6.76 เมตร กว้าง 2.16 เมตร
และมีขนาดจานสายอากาศเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.8 เมตร
น้ำหนักของดาวเทียมขณะยิงขึ้นสู่วงโคจรเท่ากับ
1,078 กิโลกรัม
น้ำหนักแรกเริ่มเมื่อใช้งานบนวงโคจรเท่ากับ 627
กิโลกรัม
และน้ำหนักเมื่อสิ้นสุดอายุการใช้งานเท่ากับ 439
กิโลกรัม ระบบพลังงานของดาวเทียม "ไทยคม" จะมี 2
แบบ คือ ใช้ซิลิคอนโซลาร์เซลบนผิวรอบนอกทรงกระบอกของดาวเทียม
และระบบพลังงานโดยใช้เชื้อเพลิงแบบแบตเตอรี่
ชนิดนิเกิลไฮโดรเจนสำหรับจ่ายพลังงานในขณะเกิดสุริยคราส
ดาวเทียม "ไทยคม" จะหมุนรอบตัวเอง 55 รอบใน 1 นาที
ในการให้ดาวเทียมอยู่ในตำแหน่งจะใช้จรวดขับดัน 4
ตัว โดยใช้เชื้อเพลิงแบบไฮดราซีน (Hydrazine)
องค์ประกอบหลักของดาวเทียมไทยคม
ดาวเทียมไทยคม รุ่น HS-376 ประกอบด้วยชุดอุปกรณ์สำหรับส่งสัญญาณที่เรียกว่า "ทรานสพอนเดอร์" (Transponders) จำนวน 12 ทรานสพอนเดอร์ แบ่งเป็นความถี่ย่าน C-Band
จำนวน 2 ทรานสพอนเดอร์ :
มีพื้นที่
บริการครอบคลุมเฉพาะประเทศไทย
และในภูมิภาคใกล้เคียงเฉพาะเขตภูมิภาคอินโดจีน
ประโยชน์ของดาวเทียมไทยคม
ดาวเทียมไทยคมมีข้อได้เปรียบกว่าดาวเทียมดวงอื่นๆ ที่ประเทศไทยใช้อยู่คือ มีความแรงของสัญญาณเหมาะสมกับประเทศไทยเป็นพิเศษ และเป็นดาวเทียมดวงเดียวในภูมิภาคนี้ที่มีความถี่ย่าน Ku-Band ประโยชน์ของดาวเทียมไทยคม แบ่งได้ดังนี้
ด้านโทรทัศน์
สถานีแม่ข่ายสามารถส่งรายการผ่านดาวเทียม ไปยังสถานีเครือข่ายหรือสถานีทวนสัญญาณ เพื่อออกอากาศแพร่ภาพต่อในเขตภูมิภาค สามารถทำการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมได้โดยอุปกรณ์เคลื่อนที่ ด้านวิทยุกระจายเสียง สามารถถ่ายทอดสัญญาณไปมาระหว่างสถานีวิทยุจากภูมิภาคที่ห่างไกลกัน เพื่อรวบรวมข่าวสาร รวมทั้งแพร่สัญญาณถ่ายทอดต่อ ณ สถานีทวนสัญญาณ ด้านโทรศัพท์ สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายโทรศัพท์จากชุมสายต่างๆ เข้าด้วยกัน สามารถใช้อุปกรณ์ที่มีขนาดเล็ก เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ห่างไกลเข้ากับเครือข่ายโทรศัพท์ ทำให้การสื่อสารสะดวก สามารถส่งผ่านได้ทั้งข้อมูล เสียง และภาพ
สถานีดาวเทียมไทยคม
สถานีดาวเทียม "ไทยคม" ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางควบคุมและติดตามดาวเทียม Telemetry, Tracking, Control & Monitoring ซึ่งทันสมัยที่สุด ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 17 ไร่ ในที่ดินของการไปรษณีย์โทรเลข ถนนรัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี ดำเนินการโดย บริษัท ชินวัตรแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน)
ระบบสถานีภาคพื้นดิน (Ground
Station)
มีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วนคือ
ในส่วนที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าตลอดจนค่ากระแสและแรงดันต่างๆ
ในอุปกรณ์สื่อสารอิเล็คโทรนิคส์บนตัวดาวเทียม
แล้วส่งมายังสถานีควบคุมภาคพื้นดิน ส่วนระบบติดตาม
(Tracking)
เป็นระบบที่อยู่บนภาคพื้นดิน
ซึ่งคอยจัดการเกี่ยวกับข้อมูลทางตำแหน่งของตัวดาวเทียม
เช่น ระยะห่างจากโลก
มุมกวาดในแนวนอนของจานสายอากาศ (Azimuth)
และมุมเงยของจานสายอากาศ (Elevation)
จากการตรวจจับพารามิเตอร์ทั้งสามซ้ำๆ กันหลายครั้ง
ก็จะทำให้สถานีควบคุมสภาคพื้นดิน
สามารถกำหนดตำแหน่งที่ถูกต้องของตัวดาวเทียม ณ
ขณะนั้นๆ ได้
อุปกรณ์ภาคพื้นดินที่ติดตั้งอยู่มีความแม่นยำในการบอกตำแหน่งของดาวเทียมได้ภายในระยะผิดพลาดไม่เกิน
100 เมตร
ในขณะที่ดาวเทียมมีวงโคจรอยู่เหนือพื้นผิวโลกประมาณ
35,786 กิโลเมตร การรับสัญญาณระบบตรวจวัด (Telemetry)
จากดาวเทียมและข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งและวงโคจร
จากระบบการติดตาม (Tracking)
จะทำให้สถานีควบคุมภาคพื้นดินสามารถส่งสัญญาณควบคุม
(Command Control)
ไปยังตัวดาวเทียมเพื่อใช้ในการปรับสภาพต่างๆ
ให้เหมาะสมในการทำงานได้ตลอดเวลา |