-
อย่าคิดถึงวัยชราของตนเองมากนัก
ความแก่หรือไม่แก่มิใช่อยู่ที่ร่างกายอย่างเดียว แต่อยู่ที่ใจด้วย
และบางคนก็บอกว่าใจมีความสำคัญกว่าร่างกายเสียอีก
เพราะเมื่อใจบอว่าไม่แก่ร่างกายก็บอว่าไม่แก่ตามไปด้วย
แต่เมื่อใดใจบอกว่าแก่ แม้ร่างกายจะแข็งแรงอย่างไร
ก็ดูแก่ลงไปอย่างทันตาเห็น
ด้วยเหตุนี้สิ่งแรกที่จะต้องทำก็คืออย่านึกว่าตัวเองแก่
และพยายามทำใจให้เบิกบานสดชื่นอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตามการนึกว่าตัวเองยังไม่แก่นั้นก็ต้องมีขอบเขตบางประการ
บางอย่างที่เป็นการทำลายสุขภาพของตัวเองหรือจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของตนเองก็ไม่ควรทำ
เช่น การออกกำลังกายหนักๆ หรือการทำงานหนักเกินกำลัง
การทำงานเสี่ยงต่ออันตราย การดื่มสุรามากๆ การอดนอนมากๆ และอื่นๆ
นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรฝืนใจทำเพื่อแสดงโอ้อวดว่าตัวเองยังไม่แก่
-
หันหน้าสู่การเปลี่ยนแปลง
คนที่มีอายุแล้วหากต้องการมีชีวิตอยู่นานๆ และมีความสุข
จะต้องเป็นคนเข้มแข็งอดทน และมีจิตใจต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ในชีวิตในวัยสูงอายุของคนเป็นอย่างดี
ไม่หวั่นไหวต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในชีวิต
และทำตัวทำใจให้พร้อมเสมอที่จะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ
โดยจะต้องทำใจให้ได้ว่าไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ก็ตาม
คนที่ไม่ยอมสู้กับการเปลี่ยนแปลงในวัยสูงอายุจะพบกับจุดจบของชีวิตในเวลาอันสั้น
ดังจะเห็นได้จากผู้ที่เกษียณอายุแล้วมักจะเสียชีวิตภายใน 5 ปี
ฃหลังจากปลดเกษียณแล้ว
เพราะเขาเหล่านั้นไม่ยอมสู้กับการเปลี่ยนแลงของชีวิตที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
และทนไม้ได้ที่จะต้องพบกับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
แต่คนที่มีจิตใจเข้มแข็งและต่อสู้กับเหตุการณ์ต่างๆ
ก็ยังคงยิ้มและมีความสุขในชีวิตได้อีก 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี
-
อย่าเป็นกังวล
สิ่งที่ทำให้คนสูงอายุมีปัญหาและเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยๆ
ก็คือความกังวลใจ คนที่มีอายุแล้วมักจะมีเรื่องกังวลใจร้อยแปด
นอกจากจะมีความกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองและทรัพย์สินของตัวเองแล้ว
ยังมีความกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพ ทรัพย์สิน เกียติยศชื่อเสียง
ความก้าวหน้า ความมั่นคงของชีวิตลูกหลาน และบางทีก็ถึงเหลนด้วย
ทั้งๆที่รู้ว่าความกังวลนั้นตนเองไม่สามารถทำอะไรได้เลยถ้ามันเกิดขึ้นมา
แต่ก็อดกังวลไม่ได้ เมื่อกังวลมากๆ
ก็ก่อให้เกิดความเครียดและเมื่อเครียดมากๆ ก็ป่วยเป็นโรคต่างๆ
ตั้งแต่เบาไปจนถึงหนัก และบางครั้งก็เลยไปถึงทำให้เสียชีวิตได้
ด้วยเหตุนี้คนที่สูงอายุแล้ว
จึงควรหัดทำใจให้ว่างและปลงเสียบ้างว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
อะไรแก้ได้ก็แก้
อะไรแก้ไม่ได้ก็ต้องปลงว่าเป็นบุญเป็นกรรมมาอย่างนั้น
ก็ต้องรับสภาพอย่างนั้น อีกไม่กี่วันก็ตายแล้ว ทำไมต้องกังวลใจด้วย
หากต้องการชีวิตวัยสูงอายุที่มีความสุขก็หัดทำใจให้เป็นคนที่ไม่มีความกังวลใจ
และพยายามที่จะมีชีวิตไปวันนึ่งๆ
ด้วยการทำสิ่งที่ดีที่ชอบและที่ควร
ชีวิตของเราก็จะได้พบกับความสุข
ส่วนพรุ่งนี้เป็นเรื่องของอนาคตเป็นเรื่องของพระเจ้า
ไม่มีใครบอกได้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรหรือพรุ่งนี้เราจะมีชีวิตอยู่หรือไม่
-
อย่าทำตัวแก่ก่อนวัย
บางคนเมื่อปลดเกษียณแล้วก็มักจะชอบแสดงตัวเองว่าเป็นคนแก่แล้ว
และชอบทำตัวแก่เกินวัยที่เป็น ดังจะเห็นได้จากบางคนอายุเพียง 60 ปี
แต่ดูเหมือนคนแก่อายุ 70 หรือ 80 ปี
เพราะผู้นั้นปล่อยใจปล่อยกายยอมรับว่าตัวเป็นคนแก่
แม้แต่การทำงาน การพูด การเดิน ก็พยายามทำอย่างคนแก่มากๆ
จึงทำให้ผู้นั้นเป็นคนแก่ก่อนวัยอันควรและมักจะพบจุดจบของชีวิตในเวลาอันสั้น
ด้วยเหตุนี้เราเร่าจะต้องไม่ทำตัวเป็นคนแก่ก่อนวัย
หากเราต้องการจะมีอายุยืนเราก็จะต้องรู้จักทำจิตใจและร่างกายของเราให้ยังคงเป็นคนหนุ่มสาวอยู่เสมอ
แม้จะเป็นคนสูงอายุแล้วก็ตามก็ไม่ควรแก่เกินอายุที่มี
-
ทำจิตใจให้แจ่มใสเบิกบานอยู่เสมอ
คนที่มีจิตใจแจ่มใสเบิกบานอยู่เสมอจะทำให้ชีวิตดูอ่อนกว่าวัยและจะเป็นคนที่มีอายุยืน
ตรงกันข้ามคนที่มีอายุแล้วและมีจิตใจเศร้าหมองจะดูแก่กว่าวัย
และมักจะมีอายุสั้น
มีบางคนกล่าวว่าที่ใดมีความยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบานที่นั้นมีความสุข
ที่ใดมีความบึ้งตึง ที่นั้นมีแต่ความทุกข์
หากท่านมีความประสงค์จะมีชีวิตที่มีความสุขในชีวิวัยสูงอายุ
ท่านก็ควรทำจิตใจของท่านให้เป็นคนแจ่มใสเบิกบานอยู่เสมอ
ซึ่งนอกจากจะทำให้ท่านมีความสุขแล้วยังช่วยทำให้ท่านมีอายุยืนอีกด้วย
-
ต้องเรียนรู้การมีชีวิตอย่างอิสระ
คนที่เข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว
ควรจะเรียนรู้การมีชีวิตอย่างอิสระตามลำพังของตัวเองมากกว่าที่จะคิดพึ่งพาอาศัยผู้อื่น
ยิ่งมีชีวิตที่เป็นอิสระ
หรือเป็นตัวของตัวเองมากเท่าใดก็ยิ่งมีความสุขมาเท่านั้น
เพราะเราอยากทำอะไรเราก็ทำของเราเองได้
เราอยากไปไหนก็ไปของเราเองได้
มีเรื่องติดต่อราชการที่ไหนก็สามารถไปเองได้ไม่ต้องพึ่งพาใคร
เพราะลูกหลานก็มีงานการของเขาทำ
ครั้นจะอาศัยไหว้วานคนอื่นก็คงยากเต็มที
และบางครั้งก็อาจจะพบความไม่สบายใจอีก
อาจจะทำให้ต้องให้ต้องช้ำใจคิดมากก็เป็นได้
สู้ดำเนินชีวิตด้วยตัวของตัวเองไม่ได้
-
หัดรู้จักพึ่งตนเองให้มากที่สุด
การฝากผีฝากไข้ไว้กับลูกหลานเป็นของดีถ้าหากเขารับฝาก
แต่ถ้าเขาไม่รับฝากแล้วก็จะช้ำใจ
ยิ่งการคิดพึ่งพาอาศัยผู้อื่นแล้วยิ่งยาก
เพราะขนาดลูกหลานของตัวเองยังพึ่งไม่ได้
คนอื่นเป็นใครเราจึงคิดจะพึ่งเขา
พึ่งตัวเองเป็นดีที่สุด
หรือพึ่งตัวเองประเสริฐที่สุดในวัยที่สูงอายุแล้ว
จึงควรจะเรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตนเองตั้งแต่ก่อนเกษียณ
เมื่อปลดเกษียณแล้วจะได้รู้วิธีทำว่าอะไรต้องทำอย่างไร
-
ต้องรู้จักสู้ด้วยตนเอง
ชีวิตของใครคนนั้นก็ต้องสู้เอาเองจะเอาเหตุว่ามีอายุมากแล้วขอให้คนอื่นช่วยบ้าง
คงหวังยากเต็มทน เพราะพ่อแม่ของเขายังไม่ทำให้
ก็นับประสาอะไรกับเราที่ไม่ใช่พ่อแม่ของเขาจะทำให้เรา
แม้กำลังวังชาจะน้อยลง แต่ความคิดอ่านของเราก็ยังดี
แม้จะไม่ปราดเปรื่องเหมือนสมัยหนุ่มสาวแต่ประสบการณ์ที่เคยผ่านมาจะช่วยทำให้รู้จักวิธีสู้กับปัญหาต่างๆ
ได้ดี
แม้จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จเราก็ยังภูมิใจที่เราได้ต่อสู้ด้วยตัวของเราเอง
ยังดีกว่าการนั่งเรียกร้องหาความสงสารจากคนอื่น
ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามีใครเขาสงสารหรือไม่
และดูเสมือนชีวิตเราช่างไร้ค่าเสียจริงๆ
-
เรียนรู้การเป็นคน
คนเราเกิดมาแล้วไม่ใช่รอความตายเพียงอย่างเดียว
ในระหว่างชีวิตเราควรจะได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว
ต่อสังคม และต่อประเทศชาติบ้าง
มนุษย์เกิดมารู้จักคิด
รู้จักพูด รู้จักทำ
ด้วยเหตุนี้จึงควรที่จะใช้สิ่งที่มีอยู่ในตัวเราให้เป็นประโยชน์ตั้งแต่เกิดจนตาย
ไม่ใช่เมื่อเข้าวัยสูงอายุแล้วก็นั่งรอคอยความตาย เหมือนกับสัตว์
หรือต้นไม้ที่เกิดมาแล้วก็รอความตายอย่างเดียว
ด้วยเหตุนี้เราจึงควรเรียนการเป็นคนของเราว่าควรจะทำอะไรบ้าง
แม้แต่ในวัยสูงอายุก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราควรจะทำได้ให้แก่ครอบครัว
สังคม และประเทศชาติ ขอแต่เพียงอย่างเดียวให้รู้จักคิด
และก็จะทราบได้เองว่าต้องทำอะไร