อ่านหน้าต่อไปสิคะ 

การปฏิบัติตนเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ


         
ทำอย่างไรผู้สูงอายุจึงจะมีโอกาสหาความสุขในบั้นปลายชีวิตของคนเราได้ และทำอย่างไรผู้สูงอายุจึงจะมีอายุยืนยาว ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุพยายามใฝ่หาอยู่ตลอดเวลา
          ยังไม่มีผู้ใดให้คำตอบที่แน่นอนและถูกต้องได้สมบูรณ์ว่าควรทำอย่างไร  จึงจะทำให้ชีวิตเรามีความสุขในบั้นปลายของชีวิต และทำให้ชีวิตมีอายุยืนยาวได้ แต่ก็มีผู้แนะนำวิธีการปฏิบัติไว้หลายประการด้วยกัน ซึ่งผู้อ่านอาจจะเลือกใช้ตามความเหมาะสม หรือตามความต้องการของตนได้ หรืออาจจะเอาข้อแนะนำทั้งหมดไปใช้ก็ได้ ทั้งนี้สุดแล้วแต่ท่านผู้อ่านจะเห็นควร
          ข้อแนะนำในการปฏิบัติตนเพื่อมีความสุขและมีอายุยืนของผู้สูงอายุที่สำคัญมีดังนี้.-

  • อย่าคิดถึงวัยชราของตนเองมากนัก    ความแก่หรือไม่แก่มิใช่อยู่ที่ร่างกายอย่างเดียว แต่อยู่ที่ใจด้วย  และบางคนก็บอกว่าใจมีความสำคัญกว่าร่างกายเสียอีก  เพราะเมื่อใจบอว่าไม่แก่ร่างกายก็บอว่าไม่แก่ตามไปด้วย แต่เมื่อใดใจบอกว่าแก่ แม้ร่างกายจะแข็งแรงอย่างไร ก็ดูแก่ลงไปอย่างทันตาเห็น
              ด้วยเหตุนี้สิ่งแรกที่จะต้องทำก็คืออย่านึกว่าตัวเองแก่ และพยายามทำใจให้เบิกบานสดชื่นอยู่เสมอ
              อย่างไรก็ตามการนึกว่าตัวเองยังไม่แก่นั้นก็ต้องมีขอบเขตบางประการ  บางอย่างที่เป็นการทำลายสุขภาพของตัวเองหรือจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของตนเองก็ไม่ควรทำ เช่น การออกกำลังกายหนักๆ หรือการทำงานหนักเกินกำลัง การทำงานเสี่ยงต่ออันตราย การดื่มสุรามากๆ การอดนอนมากๆ และอื่นๆ นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรฝืนใจทำเพื่อแสดงโอ้อวดว่าตัวเองยังไม่แก่

  • หันหน้าสู่การเปลี่ยนแปลง   คนที่มีอายุแล้วหากต้องการมีชีวิตอยู่นานๆ และมีความสุข จะต้องเป็นคนเข้มแข็งอดทน และมีจิตใจต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในชีวิตในวัยสูงอายุของคนเป็นอย่างดี ไม่หวั่นไหวต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในชีวิต และทำตัวทำใจให้พร้อมเสมอที่จะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ โดยจะต้องทำใจให้ได้ว่าไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ก็ตาม
              คนที่ไม่ยอมสู้กับการเปลี่ยนแปลงในวัยสูงอายุจะพบกับจุดจบของชีวิตในเวลาอันสั้น  ดังจะเห็นได้จากผู้ที่เกษียณอายุแล้วมักจะเสียชีวิตภายใน 5 ปี ฃหลังจากปลดเกษียณแล้ว เพราะเขาเหล่านั้นไม่ยอมสู้กับการเปลี่ยนแลงของชีวิตที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ และทนไม้ได้ที่จะต้องพบกับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แต่คนที่มีจิตใจเข้มแข็งและต่อสู้กับเหตุการณ์ต่างๆ ก็ยังคงยิ้มและมีความสุขในชีวิตได้อีก 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี

  • อย่าเป็นกังวล  สิ่งที่ทำให้คนสูงอายุมีปัญหาและเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยๆ ก็คือความกังวลใจ คนที่มีอายุแล้วมักจะมีเรื่องกังวลใจร้อยแปด นอกจากจะมีความกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองและทรัพย์สินของตัวเองแล้ว ยังมีความกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพ ทรัพย์สิน เกียติยศชื่อเสียง ความก้าวหน้า ความมั่นคงของชีวิตลูกหลาน และบางทีก็ถึงเหลนด้วย ทั้งๆที่รู้ว่าความกังวลนั้นตนเองไม่สามารถทำอะไรได้เลยถ้ามันเกิดขึ้นมา แต่ก็อดกังวลไม่ได้ เมื่อกังวลมากๆ  ก็ก่อให้เกิดความเครียดและเมื่อเครียดมากๆ ก็ป่วยเป็นโรคต่างๆ ตั้งแต่เบาไปจนถึงหนัก และบางครั้งก็เลยไปถึงทำให้เสียชีวิตได้
              ด้วยเหตุนี้คนที่สูงอายุแล้ว จึงควรหัดทำใจให้ว่างและปลงเสียบ้างว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรแก้ได้ก็แก้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ต้องปลงว่าเป็นบุญเป็นกรรมมาอย่างนั้น ก็ต้องรับสภาพอย่างนั้น อีกไม่กี่วันก็ตายแล้ว ทำไมต้องกังวลใจด้วย
              หากต้องการชีวิตวัยสูงอายุที่มีความสุขก็หัดทำใจให้เป็นคนที่ไม่มีความกังวลใจ และพยายามที่จะมีชีวิตไปวันนึ่งๆ ด้วยการทำสิ่งที่ดีที่ชอบและที่ควร  ชีวิตของเราก็จะได้พบกับความสุข ส่วนพรุ่งนี้เป็นเรื่องของอนาคตเป็นเรื่องของพระเจ้า ไม่มีใครบอกได้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรหรือพรุ่งนี้เราจะมีชีวิตอยู่หรือไม่

  • อย่าทำตัวแก่ก่อนวัย    บางคนเมื่อปลดเกษียณแล้วก็มักจะชอบแสดงตัวเองว่าเป็นคนแก่แล้ว  และชอบทำตัวแก่เกินวัยที่เป็น ดังจะเห็นได้จากบางคนอายุเพียง 60 ปี แต่ดูเหมือนคนแก่อายุ 70 หรือ 80 ปี เพราะผู้นั้นปล่อยใจปล่อยกายยอมรับว่าตัวเป็นคนแก่  แม้แต่การทำงาน การพูด การเดิน ก็พยายามทำอย่างคนแก่มากๆ จึงทำให้ผู้นั้นเป็นคนแก่ก่อนวัยอันควรและมักจะพบจุดจบของชีวิตในเวลาอันสั้น
              ด้วยเหตุนี้เราเร่าจะต้องไม่ทำตัวเป็นคนแก่ก่อนวัย หากเราต้องการจะมีอายุยืนเราก็จะต้องรู้จักทำจิตใจและร่างกายของเราให้ยังคงเป็นคนหนุ่มสาวอยู่เสมอ แม้จะเป็นคนสูงอายุแล้วก็ตามก็ไม่ควรแก่เกินอายุที่มี

  • ทำจิตใจให้แจ่มใสเบิกบานอยู่เสมอ   คนที่มีจิตใจแจ่มใสเบิกบานอยู่เสมอจะทำให้ชีวิตดูอ่อนกว่าวัยและจะเป็นคนที่มีอายุยืน  ตรงกันข้ามคนที่มีอายุแล้วและมีจิตใจเศร้าหมองจะดูแก่กว่าวัย และมักจะมีอายุสั้น
              มีบางคนกล่าวว่าที่ใดมีความยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบานที่นั้นมีความสุข ที่ใดมีความบึ้งตึง ที่นั้นมีแต่ความทุกข์ หากท่านมีความประสงค์จะมีชีวิตที่มีความสุขในชีวิวัยสูงอายุ ท่านก็ควรทำจิตใจของท่านให้เป็นคนแจ่มใสเบิกบานอยู่เสมอ ซึ่งนอกจากจะทำให้ท่านมีความสุขแล้วยังช่วยทำให้ท่านมีอายุยืนอีกด้วย

  • ต้องเรียนรู้การมีชีวิตอย่างอิสระ   คนที่เข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว ควรจะเรียนรู้การมีชีวิตอย่างอิสระตามลำพังของตัวเองมากกว่าที่จะคิดพึ่งพาอาศัยผู้อื่น ยิ่งมีชีวิตที่เป็นอิสระ หรือเป็นตัวของตัวเองมากเท่าใดก็ยิ่งมีความสุขมาเท่านั้น  เพราะเราอยากทำอะไรเราก็ทำของเราเองได้ เราอยากไปไหนก็ไปของเราเองได้ มีเรื่องติดต่อราชการที่ไหนก็สามารถไปเองได้ไม่ต้องพึ่งพาใคร เพราะลูกหลานก็มีงานการของเขาทำ ครั้นจะอาศัยไหว้วานคนอื่นก็คงยากเต็มที และบางครั้งก็อาจจะพบความไม่สบายใจอีก อาจจะทำให้ต้องให้ต้องช้ำใจคิดมากก็เป็นได้ สู้ดำเนินชีวิตด้วยตัวของตัวเองไม่ได้

  • หัดรู้จักพึ่งตนเองให้มากที่สุด   การฝากผีฝากไข้ไว้กับลูกหลานเป็นของดีถ้าหากเขารับฝาก แต่ถ้าเขาไม่รับฝากแล้วก็จะช้ำใจ ยิ่งการคิดพึ่งพาอาศัยผู้อื่นแล้วยิ่งยาก เพราะขนาดลูกหลานของตัวเองยังพึ่งไม่ได้ คนอื่นเป็นใครเราจึงคิดจะพึ่งเขา
              พึ่งตัวเองเป็นดีที่สุด  หรือพึ่งตัวเองประเสริฐที่สุดในวัยที่สูงอายุแล้ว จึงควรจะเรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตนเองตั้งแต่ก่อนเกษียณ เมื่อปลดเกษียณแล้วจะได้รู้วิธีทำว่าอะไรต้องทำอย่างไร

  • ต้องรู้จักสู้ด้วยตนเอง  ชีวิตของใครคนนั้นก็ต้องสู้เอาเองจะเอาเหตุว่ามีอายุมากแล้วขอให้คนอื่นช่วยบ้าง คงหวังยากเต็มทน เพราะพ่อแม่ของเขายังไม่ทำให้ ก็นับประสาอะไรกับเราที่ไม่ใช่พ่อแม่ของเขาจะทำให้เรา
               แม้กำลังวังชาจะน้อยลง แต่ความคิดอ่านของเราก็ยังดี แม้จะไม่ปราดเปรื่องเหมือนสมัยหนุ่มสาวแต่ประสบการณ์ที่เคยผ่านมาจะช่วยทำให้รู้จักวิธีสู้กับปัญหาต่างๆ ได้ดี แม้จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จเราก็ยังภูมิใจที่เราได้ต่อสู้ด้วยตัวของเราเอง ยังดีกว่าการนั่งเรียกร้องหาความสงสารจากคนอื่น ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามีใครเขาสงสารหรือไม่ และดูเสมือนชีวิตเราช่างไร้ค่าเสียจริงๆ

  • เรียนรู้การเป็นคน   คนเราเกิดมาแล้วไม่ใช่รอความตายเพียงอย่างเดียว ในระหว่างชีวิตเราควรจะได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ต่อสังคม และต่อประเทศชาติบ้าง
              มนุษย์เกิดมารู้จักคิด รู้จักพูด รู้จักทำ ด้วยเหตุนี้จึงควรที่จะใช้สิ่งที่มีอยู่ในตัวเราให้เป็นประโยชน์ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่ใช่เมื่อเข้าวัยสูงอายุแล้วก็นั่งรอคอยความตาย เหมือนกับสัตว์ หรือต้นไม้ที่เกิดมาแล้วก็รอความตายอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้เราจึงควรเรียนการเป็นคนของเราว่าควรจะทำอะไรบ้าง แม้แต่ในวัยสูงอายุก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราควรจะทำได้ให้แก่ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ขอแต่เพียงอย่างเดียวให้รู้จักคิด และก็จะทราบได้เองว่าต้องทำอะไร

   

อ่านหน้าต่อไปสิคะ