มาก
จะต้องจ่ายเงินทดแทนในการจัดหาที่ใหม่ เมื่อไม่สามารถจัดถวายได้ตามพระราชประสงค์จึงทรงทดลอง
ปลูกต้นยางเอง
โดยทรงเพาะเมล็ดยางที่เก็บจากต้นยางนาในเขตอำเภอท่ายาง
ในกระถางบนพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
หัวหิน
และทรงปลูกต้นยางนาเหล่านั้นในแปลงทดลองป่าสาธิตใกล้พระตำหนักเรือนต้น
สวนจิตรลดา พร้อมข้าราชบริพาร
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2504 จำนวน 1,250 ต้น
ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร
ต้นยางที่ท่ายางสูญสิ้น แต่พันธุกรรมของยางนาเหล่านั้น
ยังอนุรักษ์ไว้ได้ที่สวนจิตรลดา |
 |
ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำพรรณไม้จากภูมิภาคต่างๆ
ทั่วประเทศ มาปลูกในบริเวณที่ประทับ สวนจิตรลดา
เพื่อให้เป็นที่ศึกษาพรรณไม้ของนิสิต นักศึกษา
แทนที่จะต้องเดินทางไปทั่วประเทศ ในปี 2539
สำนักงานเอกลักษณ์แห่งชาติได้จัดทำหนังสือ
สวนจิตรลดาพฤกษาพรรณ
ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับพืชพรรณไม้ในสวนจิตรลดากว่า 200
ชนิด
ในวันพืชมงคล 9 พฤษภาคม พ.ศ.2528
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช
ที่โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
และทรงมีพระราชกระแสให้อนุรักษ์ต้นขนุนหลังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
ในพระบรมมหาราชวัง
ความสำเร็จของการใช้วิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช
อนุรักษ์ต้นขนุน และพืชเอกลักษณ์ของพระราชวังต่างๆ เช่น
พุดสวน มณฑา ยี่หุบ สมอไทย
มีการพัฒนาเทคโนโลยีการเก็บรักษาในสภาวะปลอดเชื้อ
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต

ทรงให้อนุรักษ์พันธุกรรมหวาย ในปี พ.ศ.2529
ทรงพระราชทานให้โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
อนุรักษ์และขยายพันธุ์หวายชนิดต่างๆ
โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
เพื่อเตรียมการแก้ปัญหาการขาดแคลนหวายในอนาคต
หวายที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ พระราชทานพระรบรมราชานุญาต
ให้ทำการทดลองปลูกต้นหวายเหล่านั้นในป่ายางนา
ใกล้พระตำหนักเรือนต้น สวนจิตรลดา
และมีพระราชดำริให้ทดลองปลูกที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ
จังหวัดเชียงใหม่ และที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ
จังหวัดสกลนคร
ในปี พ.ศ.2529
นอกจากมีพระราชดำริให้มีการอนุรักษ์พันธุกรรมหวายแล้ว
ยังได้จัดให้มีการรวบรวมพืชสมุนไพรมาปลูกเป็นแปลงสาธิตในโครงการส่วนพระองค์
สวนจิตรลดาอีกด้วย
ได้รวบรวมข้อมูลสรรพคุณตลอดจนการนำไปใช้ประโยชน์
กับทั้งให้มีการศึกษาการขยายพันธุ์พืชสมุนไพรโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
และเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน
เมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม 2531 ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงมีพระราชกระแสกับหม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์
ให้ดำเนินการผสมพันธุ์ผักสองชั้น (Double
Hybridization)
ขึ้นในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
และห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช
ของโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
ดำเนินการผสมพันธุ์ผักสองชั้นไปพร้อมกันด้วย

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงสืบต่องานอนุรักษ์พันธุกรรมพืช โดยในเดือนมิถุนายน 2535
ทรงมีรึบสั่งกับนายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง
และผู้อำนวยการโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
ให้ดำเนินการอนุรักษ์พืชพรรณของประเทศ
และให้ดำเนินการเป็นธนาคารพืชพรรณ
การนี้ได้มอบให้โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
ฝ่ายวิชาการดำเนินงาน
โดยสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
ได้สนับสนุนงบประมาณดำเนินการมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน
รวมถึงมีผู้มีจิตศรัทธาทูลเกล้าฯ ถวายเงิน
น้อมเกล้าถวายอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ
ร่วมสนับสนุนการดำเนินงาน
ตามที่ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินการอนุรักษ์พืชพรรณของประเทศ
และดำเนินการเป็นธนาคารพืชพรรณ
ทรงมีพระราชดำริพระราชทานแนวทางการดำเนินงาน
พระราชวินิจฉัยเป็นระยะๆ มาโดยตลอด
จากที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินในพื้นที่ต่างๆ ทรงสนพระทัยในพืชพรรณ
ในการเสด็จศึกษาพืชพรรณไม้
การทอดกพระเนตรสวนพฤกษศาสตร์ในต่างประเทศ
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ได้ดำเนินงานโดยยึดพระราชดำริ
และแนวทางที่พระราชทานเป็นหลักดำเนินการต่อเนื่องในกิจกรรมปกปักพันธุกรรมพืช
สำรวจเก็บรวบรวมพันธุกรรมพืช ปลูกรักษาพันธุกรรมพืช
อนุรักษ์และใช้ประโยชน์พันธุกรรมพืช
ศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืช วางแผนและพัฒนาพันธุกรรมพันธุ์พืช
สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
และกิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
โดยมีหน่วยงานต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินงานสนองพระราชดำริมากกว่า 40
หน่วยงานและมีโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน
ซึ่งมีการดำเนินงานมาแล้วรวม 3 ห้วงเวลา ได้แก่ ระยะที่ 1
ระหว่างปี 2535-2539 ระยะที่ 2 ระหว่างปี 2540-2544
และระยะเวลาที่ 3 ระหว่างปี 2545-2548 |