อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ปลายปี พ.ศ. 2540
กองทัพเรือได้น้อมเกล้าฯ
ถวายเกาะแสมสารเข้าร่วมสนองพระราชดำริ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ (อพ.สธ.)
โดยเหตุที่ทรงมีพระราชดำริจะให้มีการดำเนินงานที่เกาะแสมสาร
คล้ายคลึงกับเกาะปอร์โครอลส์ ของประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งจัดเป็นสถานที่ศึกษาด้านพืชพรรณ การป่าไม้
และมีคนเข้าชมท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นประจำ
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาจึงได้ติดต่อเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการป่าไม้ของเกาะปอร์โคลอลส์เข้ามารเยี่ยมเกาะแสมสาร
ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงาน
และแล้วในเวลาบ่ายวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2541
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาก็ได้นำผู้เชี่ยวชาญเข้าเฝ้าฯ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โดยมีประธานคณะกรรมการบริหาร อพ.สธ. ร่วมเข้าเฝ้าฯ
ในวาระนั้นด้วย
ทรงสนทนากับผู้เชี่ยวชาญเป็นภาษาฝรั่งเศส
สลับกับรับสั่งเป็นภาษาไทยกับผู้เข้าเฝ้าฯ
หลังจากทรงสนทนาได้สักพักหนึ่งก็รับสั่ง
"ทำทั้ง 9 เกาะ เกาะแสมสารและรอบๆ" และถัดมาอีกครู่เดียว
"ทำตั้งแต่ยอดเขาถึงใต้ทะเล"
และก่อนการเข้าเฝ้าฯ
จะสิ้นสุดเพียงเล็กน้อยก็ทรงมีพระราชกระแสกับประธานคณะกรรมการบริหาร
อพ.สธ. "เริ่มงานได้"
รับสั่งแม้นสั้นแต่จะนำประโยชน์ที่กว้างขวางยิ่งใหญ่มาสู่มหาชนชาวไทยแน่แท้
หากนำไปปฏิบัติต่อเนื่อง
![](010.jpg)
สภาพนิเวศที่หลากหลาย
เกาะแสมสารอยู่ห่างจากฝั่งเพียง 1.8 กิโลเมตร
ร่องน้ำที่ลึกและกว้างอยู่ระหว่างฝั่งกับเกาะ ร่องน้ำอื่นๆ
ที่อยู่ทางทิศตะวันออก ตะวันตก และทิศใต้ ล้วนมีความลึก
กว้าง แตกต่างกัน ความเร็วของกระแสน้ำในร่องน้ำต่างกัน
ส่งผลให้สภาพนิเวศโดยรอบเกาะทุกเกาะทั้งที่เกาะแสมสารและเกาะรอบๆ
แตกต่างกัน การมีพื้นที่ศึกษาเป็นกลุ่มเกาะ
หรือทั้งหมู่เกาะ
แทนที่จะศึกษาเฉพาะเกาะใดเกาะหนึ่งเพียงเกาะเดียว
จึงจะนำมาซึ่งองค์ความรู้ที่กว้างขวางขึ้น
และโดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่จะช่วยให้ชีวภาพชนิดใดชนิดหนึ่ง
กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เกิดมีขึ้น ณ สถานที่ พื้นที่หนึ่งใด
อันจะนำไปสู่การกำหนดวิธีการที่จะใช้ศึกษาเพื่ออนุรักษ์และเพื่อพัฒนาชีวภาพนั้นๆ
ต่อไป
ชีวภาพที่หลายหลาก
ตั้งแต่ยอดเขาถึงใต้ทะเล ทรัพยากรกายภาพที่เป็นฐานของชีวิต
คือ หิน แร่ ดิน รวมทั้งความลาดเอียง สูง ต่ำ ของพื้นที่
ทำให้เกิดสภาพภูมิอากาศในแต่ละภูมิประเทศแตกต่างกัน
บนสันเขาที่ค่อนข้างแห้ง รับแดดตลอดวัน
อีกทั้งผิวหน้าดินประกอบด้วยหินกรวดและทรายเป็นส่วนใหญ่
กับไหล่เขาที่ลาดเอียงไปทางตะวันตกรับแดดแรงในช่วงบ่าย
มีชนิดของพืช สัตว์ จุลินทรีย์ที่แตกต่างกับหุบเขาที่อับลมและหุบเขาที่รับลมเฉพาะบางฤดูกาลของปี
ซึ่งมีพืช สัตว์ จุลินทรีย์ที่ชอบความชุ่มชื้นสูง
และชอบผิวดินที่มากด้วยอินทรีย์วัตถุอยู่อาศัย ส่วนในน้ำ
นับแต่ชายหาดเรื่อยลงถึงผิวหินกรวดทราย และดินโคลน
ใต้ร่องน้ำลึก ล้วนมีความแตกต่าง
ส่งผลให้ชีวภาพใต้ผิวน้ำในแต่ละพื้นที่ต่างกันอย่างมาก
ทั้งประเภทและชนิด รวมเป็นความหลายหลากของชีวภาพ
ชีวภาพเหล่านี้ล้วนมีความสัมพันธ์ เกี่ยวกัน
กันทั้งโดยตรงในบางชนิด และโดยอ้อมในบางชนิด
รวมทั้งสัมพันธ์เกี่ยวพันกันโดยตรงกับทรัพยากรกายภาพพื้นฐานด้วยอย่างหลีกพ้นมิได้
![](011.jpg)
นักวิจัยที่หลายหลาก
ก่อน
พ.ศ. 2500
การศึกษาชีวภาพหรือทรัพยากรชนิดใดชนิดหนึ่งในระดับอุดมศึกษา
นิสิต นักศึกษาจะมุ่งสู่ความรู้ความเข้าใจในชีวิต
ในธรรมชาติของทรัพยากรนั้นโดยรวม
เพื่อที่จะนำทรัพยากรนั้นไปใช้ประโยชน์ได้
ในระยะต่อมา
การศึกษาได้พัฒนาจากการรู้โดยรวมมาเป็นการศึกษาแยกส่วน
เป็นการรู้ที่ละเอียดขึ้นในแต่ละส่วน แต่ละอวัยวะ
แต่ละองค์ประกอบ ของแต่ละชนิดของชีวภาพ
และแต่ละชนิดของทรัพยากร เมื่อเป็นเช่นนี้
การที่จะเข้าใจให้ละเอียดถึงชีวิตของแต่ละชีวภาพ
ศักยภาพของแต่ละทรัพยากรอย่างสมบูรณ์
จึงต้องอาศัยการศึกษาร่วมกันของนักวิจัย นิสิต นักศึกษา
นักเรียน ครู อาจารย์ แต่ละสาขา
ที่ต้องมีการจัดการที่เหมาะสมเข้ามาประกอบ
![](012.jpg)
แหล่งศึกษาธรรมชาติในอนาคต
วิทยาการที่เกิดมีขึ้นจากงานของนักวิจัยหลายสาขา
เมื่อนำมาเรียบเรียง
จะทำให้ได้ฐานความรู้เกี่ยวกับหมู่เกาะแสมสารที่มีความสมบูรณ์ขึ้นตามลำดับ
รวมทั้งการอนุรักษ์ที่ทำอย่างต่อเนื่อง
จะช่วยให้ประเทศไทยมีแหล่งศึกษาธรรมชาติที่มีทั้งข้อมูลพื้นฐานที่สมบูรณ์
และข้อมูลเฉพาะของแต่ละชนิดของทรัพยากรก็จะมากขึ้น
สมบูรณ์ขึ้นตามกาล นิสิต นักศึกษา
ที่เข้ามาศึกษาเพื่อเตรียมเป็นนักวิจัย
และเยาวชนที่เข้ามาสัมผัส ศึกษา
เพื่อเตรียมเป็นนักธรรมชาติวิทยา
จะมีส่วนที่จะเสริมฐานความรู้เกี่ยวกับเกาะและทะเลให้กว้างขึ้น
ความรู้ทั้งหลายเหล่านั้น
เมื่อนำออกจัดแสดงร่วมกับตัวอย่างทรัพยากรที่เก็บรวบรวมไว้
ก็จะทำให้พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทยที่กำลังสร้างอยู่ขณะนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณค่าแหล่งหนึ่ง
![](015_small.jpg)
ห้าปีที่ผ่านมา
หลังจากที่ทรงมีพระราชกระแสให้เริ่มงาน ทาง อพ.สธ.
ต้องใช้เวลาเตรียมการนานถึง 38 วัน เพื่อชี้แจงให้อาจารย์
นักวิจัย จากสถาบันและหน่วยราชการต่างๆ
ได้ทราบถึงงานที่จะต้องทำในอันดับแรก คือ การสำรวจ
วิเคราะห์ จำแนก
เพื่อทราบชนิดของทรัพยากรที่มีอยู่ตั้งแต่ยอดเขาถึงใต้ทะเล
และรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมสนองพระราชดำริ
ร่วมเป็นสมาชิกของคณะปฏิบัติงานวิทยาการ อพ.สธ.
ออกสำรวจเกาะแสมสารและเกาะข้างเคียง
โดยมีหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ
กองทัพเรือและหน่วยอื่นๆ ของกองทัพเรือ คือ กรมอุทกศาสตร์
กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ เข้าร่วมปฏิบัติการด้วย
การสำรวจเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2541
และได้ดำเนินการต่อเนื่องกันมาในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์
ทุก 2 สัปดาห์ โดยแบ่งนักวิจัยออกเป็นคณะย่อยๆ
สำรวจทรัพยากรกลุ่มที่ตนมีความเชี่ยวชาญ
ในระยะหลังการสำรวจได้ทำปีละ 6 ครั้ง แต่ละครั้งมีคณะย่อยๆ
มากถึง 28 คณะ คณะหนึ่งมี 4-6 คน
ผลของการสำรวจได้นำออกเสนอ
โดยจัดในลักษณะการประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการ
เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2544 ในหัวข้อเรื่อง
"ทรัพยากรไทย
:
อนุรักษ์และพัฒนาด้วยจิตสำนึกแห่งนักวิจัยไทย"
นอกจากการสำรวจแล้ว
งานศึกษาเพื่อทราบธรรมชาติของชีวภาพแต่ละชนิดได้ทำควบคู่กันไป
เกาะแสมสารในอนาคต
คณะอาจารย์ นักวิจัย ที่ร่วมปฏิบัติงานสำรวจ ศึกษา
หลายท่านที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ต้น
กับบางท่านที่เพิ่งเข้าร่วมสนองพระราชดำริได้เพียงไม่ถึงปี
ได้ประชุมสนทนาอนาคตของงานที่หมู่เกาะแสมสาร
ได้เห็นตรงกันว่า หากความร่วมใจ
ร่วมปฏิบัติระหว่างคณะอาจารย์ นักวิจัย
และบุคคลากรของกองทัพเรือ ยังคงเป็นเช่นปัจจุบัน ภายในปี
พ.ศ.2550 งานสำรวจขั้นพื้นฐานควรเสร็จไม่น้อยกว่า 95
เปอร์เซนต์ พื้นที่ดำเนินงานศึกษา วิจัย
ในหมู่เกาะแสมสารน่าจะมีความสมบูรณ์ มีเยาวชน นิสิต
นักศึกษาเข้ามาศึกษา
วิจัยทรัพยากรธรรมชาติที่เกาะแสมสารเป็นประจำ
ผลการศึกษาเมื่อนำเสนอที่พิพิธภัณฑ์แล้ว
ควรนำออกหมุนเวียนสับเปลี่ยนเสนอในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ
และภายในปี พ.ศ.2565
หมู่เกาะแสมสารจะเป็นศูนย์รวมของชีวภาพของเกาะและทะเลไทยที่ดี
เป็นสถานศึกษาธรรมชาติของเกาะและทะเลไทยที่สมบูรณ์
เป็นแหล่งฝึกเรียนรู้การดำรงชีพที่เหมาะสมของกองทัพเรือ
ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรงจากผลการศึกษา
และการอนุรักษ์ที่ทำอยู่ในหมู่เกาะแสมสาร
|