หน้า  1   2  

 
 

         
         
คลื่นสึนามิ
ในมหาสมุทรช่วงน้ำลึกอาจมีขนาดเล็ก (บ่อยครั้ง สูงเพียง 20-30 เซนติเมตร หรือเตี้ยกว่านั้น) และไม่สามารถเห็นหรือรู้สึกได้ขณะอยู่บนเรือกลางทะเลลึก  แต่เมื่อคลื่นสึนามิเคลื่อนตัวถึงบริเวณน้ำตื้นในแถบชายฝั่ง ความสูงของคลื่นสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งน้ำจากชายฝั่งทะเลจะถูกดูดลงสู่มหาสมุทรก่อนการการถล่มของคลื่นสึนามิ ระดับน้ำลดที่เกิดจากสึนามิจะลดต่ำลงกว่าวันที่น้ำลงต่ำสุด ดังนั้นการลดระดับของน้ำทะเลอย่างผิดสังเกตนี้ ควรจะถือเป็นสัญญาณเตือนภัยว่าคลื่นสึนามิกำลังใกล้มาถึง
 

 
 

        
          
คลื่นสึนามิจะเดินทางช้าลงในน้ำตื้น ในขณะที่ความสูงของคลื่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในมหาสมุทรเปิด คลื่นสึนามิมีความสูงเพียงไม่กี่สิบเซนติเมตร (1 ฟุต) วัดที่ผิวน้ำทะเล แต่ความสูงของคลื่นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระดับน้ำตื้น  พลังงานของคลื่นสึนามิจะขยายตัวจากผิวน้ำลงสู่พื้นทะเลที่ลึกที่สุด และเมื่อคลื่นสึนามิเข้าถล่มบริเวณชายฝั่ง ความแรงของคลื่นจะถูกบีบอัดด้วยระยะทางที่สั้นและระดับความลึกที่ตื้นขึ้นมา ทำให้เกิดแรงคลื่นที่มีอานุภาพในการทำลายล้างสูง
.................................................................................................................................................
          คลื่นสึนามิที่มีผลกระทบทั้งแปซิฟิกและในระดับภูมิภาค
          ครั้งสุดท้ายที่สึนามิ ก่อให้เกิดภัยพิบัติมหาศาลทั่วทั้งมหาสมุทรแปซิฟิก เกิดขึ้นในปี 1960 ซึ่งเป็นผลจากแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งประเทศชิลี  เหตุการณ์คราวนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย และคร่าชีวิตผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งของประเทศชิลี และแผ่ขยายไปถึงบริเวณหมู่เกาะฮาวายและประเทศญี่ปุ่น  นอกจากนี้ เมื่อแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มลรัฐอลาสกา (The Great Alaska Earth-quake) ในปี 1964 ก็ทำให้เกิดคลื่นสึนามิเข้าถล่มชายฝั่ง หลายมลรัฐของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อลาสกา โอเรกอน ลงมาถึงแคลิฟอร์เนีย
          ในเดือน กรกฎาคม ปี 1993 คลื่นสึนามิที่ก่อตัวขึ้นในทะเลญี่ปุ่นได้คร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นไปกว่า 120 คน และมีความเสียหายเกิดขึ้นกับประเทศเกาหลีและรัสเซีย แต่ความเสียหายไม่มากไปกว่านั้นเพราะพลังของคลื่นสึนามิถูกจำกัดอยู่แต่ในทะเลญี่ปุ่นเท่านั้น  เหตุการณ์เช่นนี้เราเรียกว่า "เหตุการณ์ระดับภูมิภาค" (
regional event) เพราะจำกัดอยู่ในบริเวณที่เล็ก สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น คลื่นสึนามิอาจเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีหลังเกิดแผ่นดินไหวในทะเล
          ในช่วงทศวรรษ 1990 (ปี 1990-1999) ได้เกิดคลื่นสึนามิระดับภูมิภาคขึ้นที่ นิคารากัว (1992)  อินโดนีเซีย (1994) ฟิลิปปินส์ รวมทั้งปาปัวนิวกินี (1998) และเปรู (1996) ได้คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน นอกจากนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นที่อื่นๆ  คือความเสียหายของทรัพย์สินที่ชิลี (1995) และเม็กซิโก บางครั้งความเสียหายก็เกิดขึ้นกับสถานที่ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป เช่น หมู่เกาะมาเคซัส (
Marquesas Islands) ในโพลีนีเซียของฝรั่งเศส ซึ่งได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิที่ก่อตัวที่ชิลี เมื่อวันที่ 30 กรกฏาคม ปี 1995 และจากคลื่นสึนามิที่ก่อตัวที่เปรู เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ปี 1996
          คลื่นสึนามิสามารถเคลื่อนที่จากด้านหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังอีกด้านหนึ่งในเวลาน้อยกว่าหนึ่งวัน อย่างไรก็ดี ประชาชนที่อยู่ใกล้กับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ อาจจะพบว่ามีคลื่นสึนามิโถมซัดถึงฝั่งภายในไม่กี่นาทีหลังจากแผ่นดินไหว ด้วยเหตุนี้เอง ภัยคุกคามจากคลื่นสึนามิในหลายพื้นที่ เช่น อลาสกา ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และชายฝั่งตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา อาจเป็นแบบที่เกิดขึ้นทันทีจากเหตุแผ่นดินไหวใกล้ชายฝั่งเพราะใช้เวลาถึงฝั่งเพียงไม่กี่นาที หรืออาจจะเป็นแบบที่ไม่ด่วนนัก หากคลื่นสึนามิเกิดจากแผ่นดินไหวในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งจะใช้เวลาตั้งแต่ 3 ถึง 22 ชั่วโมง จึงจะเคลื่อนที่มาถึงฝั่ง


 


ภาพ ณ เมือง พาการามัน (
Pagaraman) เกาะบาบิ (Babi Island) ประเทศอินโดนิเซีย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม  ปี 1992 คลื่นสึนามิเข้าทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง เหลือไว้เพียงหาดทรายขาว มีผู้เสียชีวิตประมาณ 700 คน จากแผ่นดินไหวและสึนามิ (ภาพโดย Harry Yeh จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน)

(อ่านต่อ)

 

        หน้า  1   2