-3-

1    2    3   4   5   6   7   8

 
 

         น้ำทะเล
          มวลน้ำในโลกกระจายอยู่ตามแหล่งต่างๆ ดังนี้  คือ มหาสมุทร น้ำแทรกในหิน  น้ำแข็งขั้วโลก ทะเลสาบ แม่น้ำ และชั้นบรรยากาศ มวลน้ำเหล่านี้จะหมุนเวียนเปลี่ยนสถานะและตำแหน่งที่อยู่ระหว่างพื้นน้ำ บรรยากาศ และพื้นดิน เกิดเป็น วัฎจักรอุทก หรือวัฏจักรน้ำ เช่น มีการระเหยจากแผ่นดินและมหาสมุทรขึ้นไปในบรรยากาศ กลั่นตัวเป็นเมฆแล้วตกลงมาเป็นฝน ลูกเห็บ หรือหิมะ ที่เราเรียกรวมกันว่า  น้ำฟ้า (Precipitation)
          ในมหาสมุทร น้ำทะเลที่ระเหยไปมีจำนวนมากกว่าน้ำฟ้าที่ตกลงมา  ซึ่งตรงกันข้ามกับในแผ่นดิน กล่าวคือ  น้ำฟ้าตกลงสู่ผืนดินมากกว่าการระเหยไปของน้ำบนผืนดิน  ดังนั้นในวัฏจักรน้ำ การคือน้ำสู่ผืนดินมากกว่าการระเหยไปของน้ำบนผืนดินเกิดขึ้นในแผ่นดินมากกว่าในมหาสมุทร แต่มหาสมุทรได้รับน้ำจากแม่น้ำต่างๆ ที่ไหลลงไปสู่ทะเลและมหาสมุทรอีกทางหนึ่งด้วย  การที่น้ำฟ้าได้มาจากมหาสมุทรมากมกว่าผืนดิน แต่น้ำฟ้าไม่มีรสเค็มก็เพราะมวลน้ำที่ระเหยขึ้นไปนั้นไม่มีเกลือแร่  ซึ่งเป็นเหตุให้น้ำทะเลเค็มระเหยขึ้นไปด้วย
          การแข็งตัวของน้ำทะเลจนเป็นน้ำแข็งนั้น  จะต้องลดอุณหภูมิให้ต่ำลงไปประมาณ  -1.9  องศาเซลเซียส หรือ 28 องศาฟาเรนไฮท์  ซึ่งน้ำทะเลที่แข็งตัวเป็นน้ำแข็งนั้นจะมีความหนาแน่นและความเค็มลดลง แล้วจะลอยตัวอยู่บนน้ำทะเลที่ยังไม่แข็งตัว ซึ่งน้ำทะเลส่วนนี้จะมีความเค็มมากขึ้น และไม่เป็นน้ำแข็ง ด้วยเหตุนี้เอง สัตว์น้ำในทะเลจึงยังคงดำรงชีพอยู่ใต้แผ่นน้ำทะเลที่แข็งตัวได้
          สำหรับภูเขาน้ำแข็งบริเวณขั้วโลก หรือ Iceberg  ไม่ใช่น้ำแข็งที่เกิดขึ้นในทะเล  แต่เกิดจากธารน้ำแข็งบนผืนดินที่เคลื่อนไหลลงสู่ทะเล  และมีการรวมตัวกับน้ำและไอน้ำในอากาศ ทำให้  Iceberg  มีขนาดใหญ่มาก จนบางครั้งขัดขวางการเดินเรือหรือการอพยพย้ายถิ่นของสัตว์น้ำบางชนิดได้
 

 

             ความเค็ม
          ความเค็มของน้ำทะเลเกิดจากเกลือแร่หรือธาตุต่างๆ ที่ละลายอยู่ในมวลน้ำ  ธาตุที่มีอยู่ในน้ำทะเลในปริมาณมาก คือ โซเดียมและคลอรีน  รองลงไปคือ  แมกนีเซียม ซัลเฟอร์ แคลเซียม โปแตสเซียม หน่วยวัดค่าความเค็มของน้ำทะเล คือ  "ส่วนต่อพันส่วน" (ppt)  หมายถึง จำนวนกรัมเกลือทั้งหมด (ซึ่งมีค่าใกล้เคียงกับน้ำหนักแห้งของเกลือ)  ที่ละลายอยู่ในน้ำทะเล 1,000 กรัม โดยปกติความเค็มของน้ำทะเลมีค่าแปรเปลี่ยนในช่วง 33-37 ส่วนต่อพันส่วน  ซึ่งค่าเฉลี่ยความเค็มโดยทั่วไปมีค่าประมาณ 35 ส่วนต่อพันส่วน  ค่าความเค็มของน้ำทะเลจะแปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ปริมาณน้ำฟ้า อัตราการระเหย  ตำแหน่งเส้นรุ้ง (Latitude) และระยะห่างจากปากแม่น้ำหรือชายฝั่ง

           
 คุณสมบัติทางกายภาพของน้ำทะเล
          
ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นว่า ค่าความเค็มและอุณหภูมิเป็นคุณสมบัติทางกายภาพของน้ำทะเลที่นับว่าสำคัญมากในการควบคุมความหนาแน่นของน้ำทะเล ซึ่งมีผลต่อการไหลเวียนของน้ำในมหาสมุทร
          อุณหภูมิ เป็นปัจจัยหลักที่กำหนดการกระจายชนิดและความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตในทะเล  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ในทะเลซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัตว์เลือดเย็น ไม่สามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายตามสภาพแวดล้อมได้ อุณหภูมิภายนอกจึงมีบทบาทต่อเซลล์ และขบวนการในร่างกายของสัตว์เป็นอย่างมาก
          การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในน้ำทะเลมีช่วงแคบ  คือระหว่าง -1.9  ถึง 27 องศาเซลเซียส ซึ่งบางแห่งอาจจะสูงถึง 40 องศาเซลเซียส เช่น ประเทศจาไมก้า ที่มีหาดทรายราบมีความลึกประมาณ 1 เมตรเท่านั้น
          ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำทะเลมากที่สุดคือ พิกัดตั้ง (Latitude) ซึ่งมีผลต่อการรับพลังงานแสงอาทิตย์เป็นอย่างมาก เช่น ณ แถบศูนย์สูตรได้รับมากกว่าบริเวณขั้วโลกสำหรับปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง คือ ความร้อนจากใต้พื้นโลก การเปลี่ยนรูปของพลังงานศักย์เป็นพลังงานจลน์ในการเคลื่อนตัวของมวลน้ำจากกระแสคลื่นคลื่นและการถ่ายเทอุณหภูมิระหว่างผิวน้ำกับบรรยากาศ

 

อ่านต่อ